

- จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีน, เกาหลีใต้ และเยอรมนี กลับมาสูง หลังคลายมาตรการล็อกดาวน์
- นักลงทุนเทขายหุ้นลดความเสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
- รัฐมนตรีคลังสหรัฐ อัตราว่างงานในปัจจุบันมีแนวโน้มพุ่งแตะระดับ 25%
เมื่อเวลา 21.10 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เปิดตลาดสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน พ.ค.เคลื่อนไหวที่ 24,123.35 จุด ลดลง 207.97จุด หรือ -0.85% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 9,137.09 จุด เพิ่มขึ้น 15.77 จุด หรือ +0.17% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 2,915.68 จุด ลดลง 14.12 จุด หรือ -0.48%
ตลาดหุ้นวอลสตรีทติดลบอีกครั้ง หลังจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจีน, เกาหลีใต้ และเยอรมนีได้ดีดตัวขึ้นอีกครั้ง หลังรัฐบาลประกาศคลายมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศ โดยทางการจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า นายจาง อู่ซิน เจ้าหน้าที่เมืองอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ยซึ่งอยู่ทางตอนกลางของจีนถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง หลังมีรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 6 ราย
ความวิตกดังกล่าวทำให้นักลงทุนเทขายหุ้น ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เช่น หุ้นกลุ่มสายการบิน ค้าปลีก เรือสำราญ และกาสิโน ท่ามกลางความพยายามในการผ่อนคลายการปิดเมืองในหลายๆ เมืองในสหรัฐ เพราะวิตกถึงการระบาดรอบ 2 ที่รุนแรงมากขึ้น
นายมาร์ค แซนดี หัวหน้านักวิเคราะห์จากมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เตือนว่า สหรัฐมีความเสี่ยงที่โควิด-19 จะกลับมาระบาดหนักรอบที่ 2 เนื่องจากการเปิดเศรษฐกิจเร็วเกินไปทำให้ประชาชนกลับมารวมตัวเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ประกาศว่า ทางบริษัทจะเริ่มทดสอบวัคซีนโควิด-19 ทางคลินิกในเดือนก.ย.นี้ และวางแผนที่จะผลิตวัคซีนให้ได้ 1 พันล้านโดสในปี 2564
ด้านผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน อันเดอร์ อาร์เมอร์ ผู้ผลิตเครื่องกีฬาและเสื้อผ้ากีฬารายใหญ่ของสหรัฐ รายงานตัวเลขผลประกอบการประจำไตรมาส 1 ที่ย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยอันเดอร์ อาร์เมอร์ เปิดเผยตัวเลขขาดทุน 34 เซนต์/หุ้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าขาดทุนเพียง 19 เซนต์/หุ้น
ขณะที่นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานของสหรัฐมีแนวโน้มย่ำแย่ลงก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้น โดยคาดว่า อัตราว่างงานในปัจจุบันมีแนวโน้มพุ่งแตะระดับ 25%