หลังโควิด-19 เจอกัน พาณิชย์ชี้ผลศึกษา ไอทีดีระบุต้องมุ่งสู่การค้าดิจิทัล



  • “วีรศักดิ์” เผยผลศึกษาของ ไอทีดี ชี้ทางรอดผู้ประกอบการไทย
  • หลังโควิด-19 ต้องมุ่งสู่เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม
  • เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้า-บริการของไทย

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ไอทีดี ศึกษาการประเมินความพร้อมทางด้านธุรกิจและนโยบายต่าง ๆ เพื่อรองรับการแข่งขันทางการค้าในยุคดิจิทัล ซึ่งคาดว่าหลังวิกฤตโควิด-19 จะมีแนวโน้มความต้องการสินค้าและบริการดิจิทัลมากขึ้น โดยจากการศึกษาพบว่าขณะนี้ไทยมีความพร้อมทางด้านกฎระเบียบทางด้านดิจิทัลอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ใกล้เคียงกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค ทั้งกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัว ตลอดจนความปลอดภัยของระบบออนไลน์

แต่ทั้งนี้ยังมีความจำเป็นต้องติดตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับปรุงกฎและระเบียบต่าง ๆ ให้ทันต่อบริบททางการค้าและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยไอทีดีรายงานว่ามี 3 ประเด็นทางด้านกฎระเบียบที่ไทยต้องเพิ่มความเข้มแข็ง ได้แก่ 1.นโยบายการแข่งขัน 2.ข้อจำกัดเกี่ยวกับถ่ายโอนข้อมูลระหว่างประเทศ และ 3.ท่าทีต่อการจัดเก็บภาษีต่อบริการดิจิทัล ขณะที่ความร่วมมือในระดับภูมิภาคทางด้านดิจิทัลส่วนใหญ่นั้นเกิดขึ้นในกรอบอาเซียน และเป็นความร่วมมือที่ค่อนข้างหลวม

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ตามเกณฑ์ของที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังค์ถัด จะพบว่าไทยเตรียมความพร้อมทางด้านกลยุทธ์นโยบายการลงทุนได้ดีเท่ากับเกาหลีใต้ แต่ล้ำหน้ากว่าเวียดนาม ซึ่งทั้ง 3 ชาติมีการผนวกพัฒนาการทางด้านดิจิทัลเข้าเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการลงทุนด้วย โดยเกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีความพร้อมมากที่สุดใน 3 ประเทศ

ในขณะที่ไทยและเวียดนามอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน โดยไทยมีความก้าวหน้ากว่าเวียดนามในเรื่องกฎหมายพื้นฐานหลัก แต่ช้ากว่าเวียดนามในกรณีของบริการ 5G และไทยยังต้องปรับปรุงในเรื่องความไม่ชัดเจนด้านมาตรการรองรับผลกระทบทางสังคมจากนวัตกรรมดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาการว่างงานจากภาคการผลิตเดิมของไทย,การแข่งขันทางการค้า,การถ่ายโอนข้อมูลระหว่างประเทศ ตลอดจนความซ้ำซ้อนของกิจกรรมระหว่างส่วนราชการและการขาดการประสานงานระหว่างส่วนราชการ ก็เป็นอีกมิติที่ไทยได้คะแนนค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้ ท่าทีของรัฐบาลไทยต่ออุตสาหกรรมดิจิทัลใหม่ ๆ แม้จะเป็นไปตามข้อตกลงการลงทุนระหว่างประเทศ และมิติการลงทุนทางด้านดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบระหว่างประเทศ เช่น พาณิชย์ธุรกิจและการค้าบริการระหว่างประเทศ ก็ยังจำเป็นต้องมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

“การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 จะมีผลให้พฤติกรรมการดำเนินชีวิตของผู้คนทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไปจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันที่น้อยลง แม้ในอนาคตจะสามารถควบคุมโรคได้แต่แนวโน้มก็จะมีการติดต่อสื่อสารและทำธุรกรรมต่าง ๆผ่านเทคโนโลยีดิจิตัลมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้า เห็นได้ชัดจากมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซที่พุ่งสูงขึ้นแบบก้าวกรโดด ดังนั้น ทางรอดผู้ประกอบการไทยหลังวิกฤติโควิด-19 สิ้นสุดลง จึงต้องมุ่งสู่เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้า และบริการของไทย เพื่อที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับมาได้โดยเร็วที่สุด” นายวีรศักดิ์ กล่าว