

“มาร์กาเร็ต แฮร์ริส” โฆษกองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะกลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-16 เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยร้อยละ 85 ของตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มีการรายงานในช่วง 24 ชั่วโมง ยังอยู่ในยุโรปและสหรัฐฯ รวมด้วย ล่าสุดตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 54,893 คน เสียชีวิต 790 คน และ 40% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่มาจากสหรัฐเพียงประเทศเดียว โดยสถานการณ์ล่าสุดในสหรัฐ ขณะนี้ประชาชน 1 ใน 3 ของประเทศ ต้องอยู่แต่ในเคหะสถาน ภายใต้มาตรการคุมเข้มด้านการเดินทางของหลายสิบรัฐทั่วประเทศ
ด้าน “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงคำนึงถึงเรื่องเศรษฐกิจมากกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาด และตั้งความหวังว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะกลับมาขับเคลื่อนได้อีกครั้งภายในกลางเดือนเมษายนนี้ ซึ่งตรงกับช่วงเทศกาลอีสเตอร์ นอกจากนี้ทรัมป์ยังกล่าวถึงการระบาดเหมือนกับตอนแรกๆ ว่าไม่ร้ายแรง เปรียบเทียบเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันหลายหมื่นคนในแต่ละปี หรืออุบัติเหตุทางรถ
“ทรัมป์” ยังระบุว่า เตรียมทบทวนให้มีการผ่อนคลายข้อจำกัดเรื่องการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ส่งผลให้คนงานต้องหยุดงาน โรงเรียนและธุรกิจต้องปิดทำการ กระทบธุรกิจชะลอตัวเป็นวงกว้าง โดยคำกล่าวของทรัมป์สวนทางกับคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ขอให้ชาวอเมริกันปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งคัด
ด้านนายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า การแพร่ระบาดไวของไรวัสโควิด-19 เร็วกว่ารถไฟหัวกระสุน โดยรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ไม่ได้ส่งอุปกรณ์ช่วยชีวิตเข้ามาให้อย่างเพียงพอ จนถึงขณะนี้นิวยอร์กมีผู้ติดเชื้อกว่า 25,000 คน เสียชีวิต 210 คน