

- ดัชนีทุกรายการลดลงต่อเนื่อง11เดือน
- เหตุคนกังวลโคโรนา-ศก.ซบ-ส่งออกเดี้ยง
- ทำประชาชนระวังใช้จ่ายจนถึงไตรมาส2
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.63 ที่สำรวจจากประชาชนตัวอย่างทั่วประเทศ 2,247 คนว่า ดัชนีปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.63 อยู่ที่ 67.3 ลดจาก 68.3 ในเดือนธ.ค.62 ต่ำสุดในรอบ 69 เดือน นับตั้งแต่เดือนพ.ค. 57 เป็นต้นมา, ดัชนีความเชื่อมั่นในปัจจุบัน อยู่ที่ 45.0 ลดจาก 45.8 ต่ำสุดในรอบ 220 เดือน นับตั้งแต่เดือนต.ค.44 , ดัชนีความเชื่อมันในอนาคต (ในอีก 6 เดือนข้างหน้า) อยู่ที่ 76.8 ลดจาก 78.1 ต่ำสุดในรอบ 68 เดือน นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.57

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 54.9 ลดจาก 56.0 ต่ำสุดในรอบ 69 เดือน, ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน อยู่ที่ 63.8 ลดจาก 64.8 ต่ำสุดในรอบ 217 เดือน นับจากเดือนม.ค.45 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 83.0 ลดจาก 84.2
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการปรับตัวลดลง มาจากความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประชาชน การทำธุรกิจ และเศรษฐกิจไทยในอนาคต โดยเฉพาะในภาคการทองเที่ยว, การปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจปี 63 ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จากเดิม 3.3% เหลือ 2.8% เพราะได้รับผลจากการส่งออกติดลบและสงครามการค้าโลกกระทบต่อการค้าโลก, ค่าเงินบาทอ่อนค่า มีผลต่อเงินไหลเข้าประเทศและราคาสินค้าส่งออก, ผลกระทบจากเบิกจ่ายงบประมาณปี 63 ที่ล่าช้า ทำให้การลงทุนล่าช้า, ผลกระทบจากภัยแล้ง ฝุ่นพีเอ็ม 2.5, ราคาพืชผลเกษตรยังต่ำ และดัชนีหุ้นลดลง
“ที่สำคัญผู้บริโภคมีความรู้สึกว่า เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าและยังกระจุกตัว และยังกังวลค่าครองชีพและราคาสินค้าทรงตัวอยู่ในระดับสูง รายได้ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น จึงมีแนวโน้มที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะลดลงอีกในเดือนก.พ.63 นอกจากนี้ ยังทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายต่อเนื่องไปจนถึงกลางไตรมาส 2 ของปีนี้เป็นอย่างน้อย”