ดัชนีดาวโจนส์กัดฟันสู้ไวรัสโคโรนา ปิดตลาดบวก 11 จุด



  • ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมายังดีเกินคาดช่วยหนุนตลาด
  • นักลงทุนวิตกการระบาดไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดรุนแรงขึ้น
  • เฟดคงดอกเบี้ย-หวั่นไวรัสโคโรนากระทบเศรษฐกิจโลกทรุด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 29 ม.ค.ที่ 28,734.45 จุด เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 11.60 จุด หรือ +0.04% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 9,275.16 จุด เพิ่มขึ้น 5.48 จุด หรือ +0.06% อย่างไรก็ตาม ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,273.40 จุด ลดลง 2.84 จุด หรือ -0.09%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนทั้งในแดนบวกและลบ เพราะท่ามกลางการประกาศผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่รุนแรงขึ้น และการคงดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมวันนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ยังคงเป็นปัจจัยลบกดดันตลาดต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การแสดงความเห็นของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ทำให้นักลงทุนเริ่มระมัดระวังการซื้อขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเห็นเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ต่อเศรษฐกิจโลก

โดยในช่วงหนึ่งของการแถลงข่าว นายพาวเวลล์ได้กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยแสดงความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ว่าการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสชนิดนี้จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศจีนและทั่วโลก เมื่อพิจารณาจากการใช้มาตรการคุมเข้มด้านการเดินทางและบริษัทหลายแห่งต้องระงับการดำเนินงานบางส่วนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่าผลกระทบนั้นร้ายแรงเพียงใด เนื่องจากยังไม่เป็นที่แน่นอนว่า การแพร่ระบาดจะลุกลามออกไปมากเพียงใด และจะส่งผลกระทบมากเพียงใดต่อเศรษฐกิจมหภาคของจีน บรรดาประเทศคู่ค้า และประเทศทั่วโลก ดังนั้น เฟดจึงต้องจับตาสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

ขณะเดียวกันตลาดได้รับปัจจะยบวกจากการปรับขึ้นของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งที่ดีเกินคาด บริษัทแอปเปิล อิงค์ เปิดเผยรายได้ในไตรมาส 1/2563 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.18 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนราคาหุ้นแอปเปิลปิดตลาดดีดตัวขึ้น 2.09%

หุ้น GE ทะยานขึ้น 10.32% หลังจากบริษัทเปิดเไผยกำไรในไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 21 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 18 เซนต์/หุ้น

หุ้นแมคโดนัลด์ พุ่งขึ้น 1.89% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 1.97 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.96 ดอลลาร์/หุ้น

หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 1.7% หลังจากโบอิ้งคาดการณ์ว่า ต้นทุนที่เกิดจากการระงับการให้บริการเครื่องบินรุ่น 737 Max นั้น อาจมีมูลค่าเกือบ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ และยังช่วยชดเชยปัจจัยลบจากการที่บริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 636 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว

หุ้นแอล แบรนด์ส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ชุดชั้นใน “วิคตอเรีย ซีเครท” ทะยานขึ้น 12.94% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า แอล แบรนด์ส มีแผนขายกิจการวิคตอเรีย ซีเครท

หุ้นสตาร์บัคส์ ร่วงลง 2.12% หลังจากบริษัทเปิดเผยถึงผลกระทบของการปิดร้านสตาร์บัคส์หลายแห่งในประเทศจีน อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

หุ้นอีเบย์ ร่วงลง 4.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 4/2562 แต่ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 1 ของปีงบการเงิน 2563