เอาละสิ..”ไพบูลย์”เดินหน้าขับ “เสรีพิศุทธ์”ออกจากกมธ.ป.ป.ช.



“ไพบูลย์” รับการทำงานในกมธ.ป.ป.ช.ยากตั้งแต่ต้น  ชี้ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ทำตามอำเภอใจ รับแต่คดีขยะ ใช้กรรมาธิการเป็นเครื่องมือการเมือง ไม่หวังปรับตัว จำเป็นต้องให้สภาถอดถอน

นายไพบูลย์ นิติตะวัน คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฏร กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งในกรรมาธิการว่า ทำงานร่วมกันยากมาตั้งแต่ต้น เนื่องจากพล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกรรมาธิการ ใช้อำนาจบริหารงานตามอำเภอใจหลายเรื่อง ไม่คำนึงถึงข้อบังคับ ซึ่งปัญหาเกิดจากแนวคิดของประธาน โดยใช้กรรมาธิการและฐานะของประธานเป็นเครื่องมือดำเนินการทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือเตรียมเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งกรรมาธิการสามัญของสภาไม่เคยปฏิบัติ ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาล 

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่จะถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน และพูดคุยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกรรมาธิการ ไม่ใช้กรรมาธิการเป็นเครื่องมือเล่นงาน รัฐมนตรีหรือส.ส.พรรคอื่น หรือมุ่งโจมตีทางการเมือง จึงทำให้การทำงานในกรรมาธิการยุ่งอย่างนี้ เห็นชัดจากการรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี และนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ จนมีความพยายามสอบตรวจอย่างเข้มข้นเพื่อเอาผิด ขณะที่เรื่องร้องเรียนตรวจสอบตัวประธานเองที่มีเข้ามาจำนวนหนึ่ง กลับไม่บรรจุเข้าวาระการประชุมของกรรมาธิการเพื่อตรวจสอบ แต่ยังหาเรื่องป่วนโดยอาศัยกรรมาธิการ ซึ่งถือเป็นการเลือกปฏิบัติ

“ส่วนที่ระบุว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ระบุว่ามอบหมายงานให้น.ส.ปารีณาและนายสิระ แต่ทั้งสองคนไม่ยอมทำ นายสิระทำงาน แต่ของน.ส.ปารีณา ผมรับมาทำเอง แต่ขอให้ไปดูงานในกรรมาธิการ ประธานคนนี้รับงานมาอย่างที่เรียกว่าเป็นงาน JUNK (ขยะ) ไม่ใช่งานระดับกรรมาธิการของสภาฯ ทำ รับเรื่องอะไรมาไม่รู้เต็มไปหมดไม่บริหารจัดการ ใช้เวลาประชุมกันยาวนาน ทำให้เสียเวลาตรวจสอบโครงการใหญ่ ๆ ที่มีปัญหาระดับประเทศ การกระทำของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เป็นการลุแก่อำนาจ ทำเกินขอบเขตหน้าที่ ไม่รับฟังเสียงข้างมาก เมื่อเกิดปัญหาเช่นนี้ ผมและส.ส.อีก 52 คน จึงนำไปสู่การยื่นญัตติขอถอดถอนพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ออกจากกรรมาธิการ” นายไพบูลย์กล่าว

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่คาดหวังให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ปรับปรุงบทบาทตัวเอง เพราะเคยเตือนแล้วว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ฟัง ดังนั้น ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับการประชุม ตนใช้เสียงข้างมากในที่ประชุม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ก็ไม่ฟัง จึงต้องนำไปสู่การใช้เสียงในสภาฯ ถอดถอนต่อไป เพราะไม่มีทางเลือกอย่างอื่น ซึ่งหาก ที่ประชุมสภาฯ มีมติถอดถอนพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ออกจากกรรมาธิการ วิปทั้งสองฝ่ายอาจจะต้องคุยกันว่า โควต้าประธานกรรมาธิการต้องเป็นของฝ่ายใด ยังคงเป็นสิทธิของฝ่ายค้าน และพรรคเสรีรวมไทยหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาไม่คยมีประธานกรรมาธิการชุดไหนทำอย่างนี้ ไม่มีใครถึงขนาดพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์

เมื่อถามถึงกระแสโซเชียลมีเดียโจมตีน.ส.ปารีณาและนายสิระว่าไม่ควรเข้ามาเป็นกรรมาธิการเพราะมีความผิดอยู่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ทั้ง 2 คนมีทั้งคนชอบและไม่ชอบเช่นเดียวกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ การเป็นกรรมาธิการไม่ได้มาจากการเลือกของโซเชียล หากอิงตามโซเชียลคงไม่ต้องเลือกตั้ง แต่เรามีรัฐธรรมนูญ