

- หลังมีข่าวดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค-นักธุรกิจทรุดต่อเนื่อง
- จากสารพัดปัจจัยเสี่ยงรุมหนัก-กดดัชนีโงหัวไม่ขึ้น
- แต่ยันยังมีสัญญาณบวกดันดีดตัวขึ้นในไม่ช้า
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนธ.ค.62 ว่า ดัชนีอยู่ที่ 44.5 คงที่ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2, ดัชนีความเชื่อมั่นในปัจจุบัน อยู่ที่ 39.4 เพิ่มจาก 39.0 ในเดือนพ.ย.62 และดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตอยู่ที่ 48.0 ส่วนค่าเฉลี่ยทั้งปี 62 ของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 52.8 สูงกว่าระดับปกติที่ 50 สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ดัชนีในอนาคต อยู่ที่ 52.0 และเฉลี่ยทั้งปี 62 อยู่ที่ 54.4 ชี้ให้เห็นว่า ปี 62 ผู้บริโภคมีความคาดหวัง และมีมุมมองเชิงบวกว่า เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นในระยะต่อไป
สำหรับในประเด็นที่ผู้บริโภคกังวลจนกระทบต่อความเชื่อมั่น ทั้งการส่งออกที่ชะลอตัว, สหรัฐฯ ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) สินค้าไทย และผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนนั้น กระทรวงพาณิชย์ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีมาตรการเร่งด่วนรับมือแล้ว โดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ จะนำคณะผู้แทนการค้าไทยเดินทางไปขยายตลาดและจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าใน 18 ประเทศ
ขณะเดียวกัน สนค.อยู่ระหว่างการศึกษาสินค้าไทยที่มีโอกาสส่งออก โดยพบว่า ไก่แปรรูป เครื่องดื่ม นาฬิกาและส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์ เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร เครื่องครัวและของใช้ในบ้านเรือน มี มีโอกาศเพิ่มยอดส่งออกได้ ส่วนการถูกตัดจีเอสพี ได้เตรียมมาตรการรองรับ โดยเฉพาะหาตลาดใหม่ ใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ขณะที่สงครามการค้านั้น ได้เดินหน้าหาตลาดทดแทน ผลักดันการส่งออกสินค้าเข้าไปทดแทนสินค้าที่ 2 ประเทศขึ้นภาษีระหว่างกัน ส่งผลให้สินค้าหลายรายการส่งออกเพิ่มขึ้น และยัง เชื่อว่าการลงนามในข้อตกลงการค้าระยะที่ 1 (เฟส 1) ของสหรัฐฯและจีน จะทำส่งผลดีต่อการส่งออกและเศรษฐกิจโลก เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยเบวกสนับสนุนให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจปรับตัวดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และหอการค้าไทย ได้สำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นของสมาชิกหอการค้าไทย ซึ่งพบว่า ในเดือนธ.ค.62 ดัชนีความเชื่อมั่นทั้งของผู้บริโภค และของนักธุรกิจปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากหลายปัจจัยลบ โดยเฉพาะความกังวลในเรื่องสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยที่ยังชะลอตัว ภัยแล้ง ค่าเงินบาทแข็งค่า ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ การส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ฯลฯ ส่งผลให้รัฐบาลไม่พอใจมาก และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงข่าวด่วนเพื่อแก้ข่าวในประเด็นดังกล่าว ซึ่ง สนค.เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ต้องเร่งแก้ข่าวด้วย