7UP ปักหมุดบุกธุรกิจพลังงานเต็มรูปแบบ



  • พร้อมเข้าชิงโรงไฟฟ้าชุมชน
  • ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 63 โต 15%
  • พร้อมหาทางล้างขาดทุนสะสม

 นายสิทธิชัย กฤชวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ7UP เปิดเผยว่า ปี 2563 บริษัทฯยังคงให้ความสำคัญและมุ่งลงทุนในธุรกิจพลังงานเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นบริษัทพลังงานโดยแท้จริง โดยจะเสนอตัวเข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน หลังจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ประกาศกฎเกณฑ์โรงไฟฟ้าชุมชน 700 เมกะวัตต์ ตามแผนขับเคลื่อนปี 2563-2567 ซึ่งคาดหวังว่าน่าจะชนะประมูล 2-4 โรง  โดยจะเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ภาคใต้ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมประมาณ 20 เมกะวัตต์

 ขณะที่ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน มีแนวโน้มเติบโตที่ดีภายหลังได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา โดยในปี 2563 นี้ บริษัทฯได้ทำข้อตกลงกับบริษัทพลังงานชั้นนำของประเทศ 3-4 ราย โดยบริษัทฯจะทำหน้าที่เป็นผู้ลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน บนพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมของลูกค้า มูลค่าลงทุนรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท และจะรับรู้รายได้โดยการแบ่งผลกำไรจากการประหยัดค่าไฟฟ้าตามสัดส่วน

“สาเหตุสำคัญที่บริษัทฯ มุ่งสู่การก้าวขึ้นเป็นบริษัทพลังงานเต็มรูปแบบ เนื่องจากเล็งเห็นว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่จะสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอและมีความมั่นคงในระยะยาว ในขณะที่ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน พบว่าสร้างอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนสูง อีกทั้ง รูปแบบโมเดลธุรกิจส่งผลให้ทั้งบริษัทฯ และลูกค้าต่างฝ่ายต่างได้รับประโยชน์ และ ข้อสำคัญเป็นธุรกิจที่ยังไร้คู่แข่ง เนื่องจากเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่บริษัทได้คิดค้นขึ้นใหม่ โดยได้รับการจดทะเบียนคุ้มครองสิทธิ์จาก กรมทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย”

นายสิทธิชัย กล่าวว่า ธุรกิจข้างต้นจะมีส่วนช่วยเสริมการเติบโตในอนาคต จากปัจจุบันธุรกิจสถานีแก๊สและน้ำมัน ยังคงสร้างรายได้หลัก ขณะที่ธุรกิจกำจัดขยะนั้นจะเริ่มเห็นผลบวกเต็มปีตั้งแต่ปี 2563 นี้ ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยบวกสนับสนุนผลประกอบการในปี 2563 เติบโตต่อเนื่องจากปี 2562 ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้ราว 1,300  ล้านบาท หรือเติบโตเกิน 15 % และ ในปี 2562 ที่ผ่านมาจะเป็นปีแรกที่ผลประกอบการพลิกมีกำไรสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี

สำหรับผลประกอบการในปี 2563 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้จะสามารถรักษาอัตราการเติบโตเกินระดับ 15% คาดว่าธุรกิจกลุ่มสถานีแก๊ส ยังคงสร้างรายได้หลักในสัดส่วน 40% ธุรกิจสื่อสาร 25% ธุรกิจกำจัดกากอุตสาหกรรม 15% ธุรกิจพลังงานทดแทน 15% และธุรกิจอื่น ๆ 5% พร้อมกันนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างพิจารณาหาแนวทางเหมาะสมในการล้างขาดทุนสะสมที่มีจำนวน 1,256 ล้านบาทเพื่อให้บริษัทฯ กลับมามีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลคืนให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป