

“จุลพันธ์” รมช.คลัง เผยรายละเอียดมาตรการ Easy E-Receipt ของขวัญจากกระทรวงการคลัง จ่อเข้า ครม. 24 ธ.ค.นี้ ชี้วงเงินลดหย่อนภาษี 5 หมื่นบาทเหมือนเดิม แต่ปีนี้มีความต่างกรอบเงื่อนไข โดยแบ่งวงเงินลดหย่อน 2 ส่วน ส่วนแรก 3 หมื่นบาท ใช้เพื่อบริโภค เพิ่มสามารถใช้บริการแพ็คเกจเกี่ยวกับท่องเที่ยวได้ ส่วนที่ 2 อีก 2 หมื่นบาท ใช้ช็อปของสินค้าวิสาหกิจชุมชน-โอทอป เท่านั้น ลั่นร้านค้าต้องอยู่ในระบบ ภาษีอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ e-Tax Invoice & e- Receipt คาดช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้ 70,000 ล้านบาท มีผู้ประกอบการร้านค้า เข้าสู่ระบบภาษีเพิ่มขึ้น 20% เทียบกับปีก่อน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยถึงของขวัญปีใหม่ 2568 จากกระทรวงการคลังว่า จะมีให้เรื่องของมาตรการ Easy E-Receipt (อีซี่ อี-รีซีท) หรือมาตรการเพื่อสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศ โดยจะดำเนินการเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแล้วเสร็จภายในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ โดยในรายละเอียดมาตรการจะมีในส่วนของการนำค่าใช้จ่ายการซื้อสินค้าและบริการ ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท มาใช้หักลดหย่อนภาษีได้ โดยในส่วนวงเงินที่กำหนดยังเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้จะมีความต่างในส่วนของกรอบไม่เหมือนเดิม
ทั้งนี้ ในส่วนที่มาตรการ Easy E-Receipt ยังคงมีเงื่อนไขเหมือนเดิมคือ ต้องเป็นสินค้า-บริการ จากร้านที่ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ e-Tax Invoice & e- Receipt ของกรมสรรพากร เท่านั้น ซึ่งตรงนี้ก็เป็นมาตรการที่ตนได้มอบหมายให้กรมสรรพากรต้องดำเนินการอย่างสม่ำเสมอ และมาตรการจากนี้ก็จะเน้นให้เป็นในเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพื่อมีส่วนช่วยดึงร้านค้าต่างๆ ให้เข้ามาสู่ระบบฐานภาษี ทำให้การจัดเก็บภาษีมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยการเก็บภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ก็จะช่วยสร้างความสะดวกให้กับทั้งผู้ใช้ และผู้เก็บภาษี
ทั้งนี้ ในส่วนของวงเงินลดหย่อนภาษี ไม่เกิน 50,000 บาท จะแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรก 30,000 บาท จะเป็นในส่วนการใช้เพื่อการอุปโภค-บริโภค แต่จะมีเพิ่มเติมมาคือสามารถใช้บริการแพ็คเกจการท่องเที่ยวได้ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเดินทาง เกิดการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นแพ็คเกจทัวร์ โรงแรมที่พัก โดยครั้งที่ผ่านมาไม่ให้นำเรื่องนี้มาเข้าร่วมด้วย
นอกจากนี้ ในส่วนที่ 2 คือยอดอีก 20,000 บาท จะสามารถใช้ได้ในส่วนของสินค้าวิสาหกิจชุมชน สินค้าโอทอป เท่านั้น เพื่อให้เกิดการกระตุ้นใช้จ่ายในกลุ่มเอสเอ็มอี ให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้เกิดความเข้มแข็งเติบโตได้ นอกจากนี้ หากผู้ใช้จ่ายจะเลือกใช้วงเงินทั้ง 50,000 บาท เพื่อใช้จ่ายในกลุ่มสินค้าวิสาหกิจ โอทอป ทั้งหมดเลยก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ ระยะเวลาดำเนินมาตรการคือช่วงกลางเดือน ม.ค.- ก.พ.68
ทั้งนี้ ร้านค้าวิสาหกิจชุมชน สินค้าโอทอป ที่จะได้สิทธิรวมมาตรการ Easy E-Receipt จะต้องอยู่ในระบบฐานภาษี หรือภาษีอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ e-Tax Invoice & e- Receipt ซึ่งหากยังไม่เข้าระบบก็สามารถมาดำเนินการสมัครเข้าระบบได้ โดยปัจจุบันกระบวนดำเนินมีความรวดเร็วขึ้นมาก ใช้เวลาแล้วเสร็จไม่เกิน 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ คาดมาตรการนี้ จะกระตุ้นการใช้จ่ายได้ 70,000 ล้านบาท โดยรัฐจะสูญเสียรายได้ทางภาษีไปราว 10,000 ล้านบาท อีกทั้งคาดว่า มาตรการนี้ จะทำให้มีผู้ประกอบการร้านค้า เข้าสู่ระบบภาษีเพิ่มขึ้นอีก 20% เทียบกับปีก่อน
อย่างไรก็ตาม สำหรับสินค้าหรือบริการ ที่ไม่สามารถใช้มาตรการ Easy E-Receipt ได้ ประกอบด้วย สุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ น้ำมัน ก๊าซ ค่าบริการประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะ ซื้อรถยนต์ และจักรยานยนต์ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าบริการมือถือ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าเบี้ยประกัน เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ‘จุลพันธ์’ สั่งสรรพากรปฏิรูประบบภาษี ใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ