ธอส. ขานรับโครงการ คุณสู้ เราช่วย เพื่อให้คนไทยมีบ้าน ปี 68 ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 2.5 แสนล้าน



ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เผยผลการดำเนินงานปัจจุบัน ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้มากกว่า 200,000 ล้านบาทเป็นสินเชื่อกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท จำนวน 95,125 ราย มีสินเชื่อคงค้างรวมอยู่ที่1.78 ล้านล้านบาท คาดปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 67 ได้ไม่ต่ำกว่า 230,000 ล้านบาท ตั้งเป้าปี 68 ปล่อยขยับแตะระดับ 250,000 ล้านบาท เผยแม้โครงการคุณสู้ เราช่วย จะทำให้รายได้ดอกเบี้ยหายไป 8,400 ล้านบาทต่อปี แต่ก็คุ้มเพราะแลกกับยอดการตั้งเงินทุนสำรองที่ลดลง หนี้เสียที่จะหดลงไป คาดปี 68 หนี้เสียธนาคารจะลดมาอยู่ที่ 4-5%

  • ลั่นปีหน้าพร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล และกระทรวงการคลัง
  • สนับสนุนคนไทย ให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมากขึ้น
  • ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และผลักดันองค์กรสู่ความยั่งยืน

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้วกว่า 200,856 ล้านบาท จำนวน 155,536 บัญชี ข้อมูล ณ วันที่ 4 ธ.ค.67 โดยในจำนวนนี้ เป็นสินเชื่อปล่อยใหม่สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท สูงถึง 95,125 ราย

ทั้งนี้ โดยปัจจุบัน ธอส. มีสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1.78 ล้านล้านบาท ให้บริการผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลายและตรงตามความต้องการของลูกค้า อาทิ สินเชื่อบ้าน 71 ปี ธอส., โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนพ.ศ.2567, มาตรการสินเชื่อซื้อ – สร้าง และมาตรการสินเชื่อซ่อม – แต่ง

“คาดการณ์ทั้งปี 67 ธอส. จะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 230,000 ล้านบาท ขณะที่การจัดทำมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน ปี 67 และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบด้านรายได้ให้กับลูกค้านั้น ปัจจุบันมีลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการรวม 114,101 บัญชี คิดเป็นวงเงินต้นคงเหลือ 133,255.49 ล้านบาท” นายกมลภพ กล่าว

นายกมลภพ กล่าวด้วยว่า เชื่อว่ามาตรการดังกล่าว จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรักษาบ้านให้คนไทย และทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของ ธอส. อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ โดยปัจุบัน NPL ของธนาคารอยู่ที่ระดับ 5.50% ลดลงจากเมื่อ 4 เดือนก่อนหน้าที่ ที่อยู่ในระดับ 6.1%

ทั้งนี้ สำหรับในปี 68 ธอส. พร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ในการสนับสนุนคนไทย ให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเพิ่มมากขึ้น ด้วยการเป็นที่ 1 ของสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน3 ล้านบาท โดย ธอส. คาดการณ์ ปล่อยสินเชื่อใหม่ในปี 68 ได้ไม่ต่ำกว่าปี 67 หรืออยู่ในระดับ 240,000-250,000 ล้านบาท ผ่านการให้บริการผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ และเงินงวดในการผ่อนชำระอยู่ในระดับที่เหมาะสม สำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง และสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำสำหรับกลุ่มผู้ประกอบอาชีพประจำ-อาชีพอิสระ ที่มีรายได้มากกว่า 25,000 บาท/เดือน

“จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นในปลายปี 67 ซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจในปี 68 ขยายตัวดีขึ้น ธอส.จึงคาดว่า การปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคาร จะได้ตามที่คาดการณ์ไว้ โดย ธอส. พร้อมสานต่อนโยบายของรัฐในการสนับสนุนให้คนไทยมีบ้าน ด้วยการให้บริการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกกลุ่มอาชีพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่า จะปล่อยสินเชื่อได้ไม่ต่ำกว่าสินเชื่อใหม่ที่ปล่อยได้ในปี 67” นายกมลภพ กล่าว

นายกมลภพ กล่าวด้วยว่า ไฮไลท์สำคัญในปี 68 ของธนาคารคงจะเป็นการสนับสนุนสินเชื่อ โครงการ “บ้านเพื่อคนไทยของรัฐบาล” โดยจะนำร่อง นำที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในทำเลที่เดินทางสะดวกมาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย เพื่อให้คนไทยที่มีรายได้น้อย ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์พักอาศัยในระยะยาว

“ในเรื่องโครงการบ้านเพื่อคนไทย ตอนนี้คงต้องรอดูรายละเอียดที่ชัดเจนจากรัฐบาลก่อน แต่ยืนยันว่า ทาง ธอส.มีความพร้อมในการสนับสนุนเงินดอกเบี้ยถูกอยู่แล้ว เพื่อให้คนไทยได้ผ่อนเดือนละ 4,000 บาทตามนโยบายของรัฐบาล โดยหากมองโครงการนี้ จะมีความคล้ายกับโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ ที่ดำเนินการบนพื้นที่ราชพัสดุ ของกรมธนารักษ์ ที่เคยทำไปก่อนหน้านี้ ส่วนระยะเวลาการกู้จะเป็น 30 ปี บวก 30 ปี หรือจะมากกว่านี้ คงจะต้องรอดูในรายละเอียดอีกครั้ง” นายกมลภพ กล่าว

นายกมลภพ กล่าวด้วยว่า สำหรับในส่วนโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” มีวัถตุประสงค์เพื่อปลดลดภาระหนี้สินให้ประชาชน ซึ่งหลังจากที่โครงการเปิดตัวไปช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกลุ่มลูกค้าของธนาคารติดต่อลงทะเบียนแล้ว 6,600 ราย (ณ วันที่ 14 ธ.ค.67)

ทั้งนี้ จากการสำรวจของธนาคารพบว่า มีลูกค้า ธอส.ที่เข้าข่ายได้รับสิทธิโครงการนี้ ซึ่งจะมาจากกลุ่มที่เป็นหนี้เสีย ลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระแต่ยังไม่ถึง 90 วัน และลูกหนี้เคยปรับโครงสร้างหนี้ ยอดรวมกว่า 3.49 แสนบัญชี คิดเป็นวงเงินกว่า 310,000 ล้านบาท

นายกมลภพ กล่าวว่า ในเบื้องต้น ธอส. ได้ประเมินว่าหากมีลูกค้าเข้าร่วมโครงการ คุณสู้ เราช่วย ครบตามยอดทั้งหมด 300,000 กว่าราย และผ่อนตรงครบตามเงื่อนไขที่โครงการกำหนด ซึ่งจะได้รับสิทธิยกเว้นดอกเบี้ย 3 ปีนั้น ส่วนนี้ก็จะทำให้ธนาคาร จะมีรายได้จากดอกเบี้ยในส่วนนี้ ลดลงกว่าปีละ 16,900 ล้านบาท

โดยในยอดรายได้ดอกเบี้ยที่หายไป ทาง ธอส.จะเป็นผู้รับผิดชอบครึ่งหนึ่ง หรือยอดประมาณ 8,400 ล้านบาทต่อปี ส่วนที่เหลือทางรัฐบาลจะรับผิดชอบอีกครึ่งหนึ่ง ผ่านการใช้มาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง

ทั้งนี้ หากจะดูว่าการดำเนินโครงการ คุณสู้ เราช่วย จะมีผลทำให้ธนาคารมีรายได้จากดอกเบี้ยที่จะต้องลดหายไป แต่ในสิ่งนี้ธนาคารก็จะได้รับสิ่งที่ดีแลกกลับมา นั้นคือจะช่วยทำให้ภาระหนี้เสีย และการตั้งสำรองเงินทุนของธนาคารลดตามไปด้วย ซึ่งในปี 68 ธอส. ก็ได้มีการวางแผนกลยุทธ์ และเคาะตั้งเงินทุนสำรองปี 68 ไว้ที่ระดับ 8,400 ล้านบาท ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับเงินชดเชยดอกเบี้ยที่จะหายไป

อีกทั้งการดำเนินโครงการนี้ เชื่อว่าจะส่งผลให้หนี้เสียของธนาคารลดลง คาดว่าในปี 68 อาจได้เห็นยอดหนี้เสียของธนาคารลดมาอยู่ที่ระดับ 4-5% ได้ ซึ่งก็จะทำให้ยอดเงินตั้งเงินทุนสำรองลดลง ไม่ถึงยอดที่ตั้งใจไว้ก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับในกลุ่มลูกหนี้ที่เข้ามาลงทะเบียนรับสิทธิโครงการ คุณสู้ เราช่วย เป็นที่เรียบร้อย ทาง ธอส. ก็จะเร่งตรวจสอบคุณสมบัติ หากเข้าหลักเกณฑ์ตามที่โครงการกำหนด ทาง ธอส. ก็จะดำเนินการให้โดยเร็วต่อไป

ธนาคารอาคารสงเคราะห์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ธอส. เปิดให้ผู้ประกันตน ยื่นกู้ซื้อบ้านดอกเบี้ยต่ำ เสาร์-อาทิตย์นี้ ได้ทุกสาขา