นายกฯ “แพทองธาร” กำชับต้องเร่งจ่ายเงินเยียวยาให้แล้วเสร็จภายในตุลาคมนี้

จ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วม
นายกฯ “แพทองธาร” กำชับต้องเร่งจ่ายเงินเยียวยาให้แล้วเสร็จภายในตุลาคมนี้


นายกฯ “แพทองธาร” ติดตามสถาณการณ์ อุทกภัยทั่วประเทศกำชับต้องเร่งจ่ายเงินเยียวยาให้แล้วเสร็จภายในตุลาคมนี้ มอบหมายคณะทำงานฯ วางกรอบเพื่อวางแผนแม่บทในอนาคตหากเกิดเหตุซ้ำ พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเผยเตรียมประชุม ครม.สัญจร “เชียงราย-เชียงใหม่” เดือนพย.สร้างความเชื่อมั่น กระตุ้นเศรษฐกิจ

วันนี้ (15 ตุลาคม 2567) เวลา 14.45 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (คอส.) ครั้งที่ 2/2567 โดยมีคณะกรรมการ คอส. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดการประชุมฯ ตอนหนึ่ง ว่า รัฐบาลต้องการที่จะแก้ปัญหาระยะยาว ทั้งกรณีน้ำท่วม หรือปัญหาดินโคนถล่มที่เกิดขึ้น ณ จังหวัดเชียงราย เพื่อรับมือกับสถาณการณ์ แบบนี้ในอนาคตของประเทศให้ได้ เต็มร้อย รวมถึงรัฐบาลจะต้องหาวิธีการแก้ปัญหาให้จบได้เร็วขึ้น ซึ่งขอให้ส่วนราชการต่างๆ ในคณะกรรมการชุดนี้ที่มี หลายกระทรวง เร่งศึกษาอย่างจริงจังภายในปีนี้ ก่อนที่จะถึงหน้าฝนปีหน้า และขอชื่นชมทุกภาคส่วนทางราชการจิตอาสา มูลนิธิต่าง ๆ ที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาในพื้นที่

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วย ที่ลงพื้นที่อย่างใกล้ชิด ทั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมที่ลงไปอยู่ในพื้นที่ อยู่กับประชาชนที่เชียงราย ทำให้ประชาชนรู้สึกมั่นใจ ซึ่งรัฐมนตรีอยู่หน้างานสามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงที ปัจจุบันนี้สถานการณ์คลี่คลายไปมากแล้ว เมื่อเช้าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้หารือเพื่อทำให้ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ว่าจะให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปลายเดือนตุลาคม หรือก่อนเดือนพฤศจิกายน นี้

รัฐบาลวางแนวทางบริหารจัดการน้ำระยะยาว

นายจิรายุ กล่าวต่อไป ว่า ที่ประชุมได้รับทราบการเร่งฟื้นฟูสถานการณ์อุทกภัย การพิจารณาแนวทางบริหารจัดการน้ำระยะยาว การเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติในพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม การพิจารณาแนวทางเยียวยาให้แก่ผู้ประสบภัยพิบัติ และนายกรัฐมนตรี ขอให้มีการพูดคุยความร่วมมือด้านน้ำกับประเทศเมียนมา และประเทศลาว ที่มีพื้นที่เสี่ยงภัยคล้ายกัน พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาแผน/ผลการดำเนินงานของคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และดินโคลนถล่มส่วนหน้าในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และพิจารณาความก้าวหน้าการดำเนินการจ่ายเงินช่วยเยียวยาผู้ประสบภัย/ความก้าวหน้าการปรับปรุงระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยรวมถึงแผนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาในปี 2568 ระยะกลาง และระยะยาว

นายกฯขอให้คณะทำงานฯ ประชุมติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรีขอให้คณะทำงานฯ ประชุมติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสถานการณ์น้ำและสถานการณ์ดินถล่มในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งปัจจุบันประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ยังคงประสบปัญหาอยู่ ทุกหน่วยงานติดตามอย่างใกล้ชิด และเร่งให้ความช่วยเหลือ ในส่วนของศปช.ส่วนหน้า ให้สรุปความต้องการของแต่ละพื้นที่ ทั้งอุปกรณ์ เครื่องมือ รวมถึงงบประมาณในการดำเนินการสร้าง หรือการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ในปีต่อ ๆ ไปเพื่อจะได้จัดสรรงบประมาณเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้นอีก เพื่อลดความเสี่ยงในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

ทั้งนี้ในการประชุม นายกรัฐมนตรียังมอบหมายให้กรมบัญชีกลางเร่งรัดปรับปรุงระเบียบการเยียวยา ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วพร้อมกับมอบปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณา ดำเนินการเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวข้อง ในส่วนคณะทำงานฯ ให้เร่งรัดพิจารณาโครงการป้องกันน้ำท่วมให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 

สำหรับการช่วยเหลือของ ศปช.ส่วนหน้าในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนในช่วง เดือนพฤศจิกายน นายกรัฐมนตรีได้ขอให้วางแผนในการจะจัดประชุม ครม.สัญจร ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายหรือเชียงใหม่เพื่อเป็นกำลังใจให้กับประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซั่น รัฐบาลต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวในการเดินทางมาเที่ยวภาคเหนือในจังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้สำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรีทำหนังสือขอบคุณจากใจนายกรัฐมนตรี มอบให้กับทุกภาคส่วนที่ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยจะเป็นผู้ลงนามเองทั้งหมด พร้อมย้ำการเยียวยาให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้

ทำเนียบรัฐบาล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 16 ธนาคาร ร่วมปล่อยกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม 50,000 ล้านบาท สำหรับ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม