

การลงทุนไทย ในไตรมาสสอง หดตัว 6.2% ติดลบ 3 ไตรมาสติด ชี้ภาคอสังหาฉุดการลงทุนหนัก ลงทุนหดตัวฉุดเศรษฐกิจในไตรมาสสองโตแค่ 2.3%
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2567 ขยายตัวได้ 2.3% และทั้งปีเติบโต 2.5% โดยมีการปรับช่วงประมาณการณ์เศรษฐกิจเป็น 2.3-2.8 % จากเดิมที่ประมาณการณ์ 2-3% เมื่อ 20 พค.
ทั้งนี้แม้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ผ่านมาจะขยายตัวได้ต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมาโดยได้รับอานิสงค์ จากการบริโภคเอกชนที่ขยายตัว 4% การบริโภคภาครัฐบาลขยายตัวได้ 0.3% การส่งออกที่ขยายตัวได้ในไตรมาสนี้ขยายตัวได้ 1.9% และบริการ 19.8%

การลงทุนภาคเอกชนลดลง 6.8%
การลงทุนรวมยังหดตัวอยู่ 6.2% ลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สาม โดยการลงทุนภาคเอกชนลดลง 6.8% การลงทุนที่ลดลงมากเพราะในภาคอสังหาริมทรัพย์ไม่มีการลงทุนในโครงการใหม่เนื่องจากผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อ โดยการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วน 50% ของการลงทุนในจีดีพี
การลดลงของการลงทุนในหมวดยานพาหนะ 22.5% และการชะลอตัวของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ส่วนการลงทุนหมวดก่อสร้างลดลง 2.2% ตามการลดลงของการก่อสร้างที่อยู่อาศัย และการก่อสร้างอาคารพาณิชย์เป็นสำคัญ ขณะที่การก่อสร้างโรงงานขยายตัวต่อเนื่อง การลงทุนภาครัฐ ลดลง4.3% เทียบกับการลดลง 27.7% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยการลงทุนของรัฐบาลลดลง 12.8% ขณะที่การลงทุนของรัฐวิสาหกิจขยายตัว 10.1%
สำหรับอัตราการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนในไตรมาสนี้อยู่ที่ 24% (สูงกว่าอัตราเบิกจ่าย 5.7% ในไตรมาสก่อนหน้า และ 19% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน) รวมครึ่งแรกของปี 2567 การลงทุนรวมลดลง 5.1% โดยการลงทุนภาคเอกชนลดลง 0.9% และการลงทุนภาครัฐลดลง16.7%
ลงทุนหดตัวหนักใน Q2 เพราะไม่มีโครงการใหม่ในภาคอสังหาริมทรัพย์
สำหรับระดับการลงทุนที่ยังหดตัวในไตรมาสที่ 2 โดยการลงทุนรวมหดตัว 6.2% และการลงทุนของเอกชนหดตัว 6.8% นายดนุชา กล่าวว่าเกิดจากการชะลอตัวของการลงทุนของภาคเอกชนมาจากหลายสาเหตุนอกจากในเรื่องของเครื่องมือเครื่องจักรที่มีการลงทุนไปไตรมาสก่อนหน้านี้ ยังมาจากทิศทางการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ทำให้ภาคการผลิตได้รับผลกระทบและการนำเข้าสินค้าประเภทวัตถุดิบลดลงซึ่งทำให้การลงทุนเอกชนชะลอลง
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยในเรื่องของการลงทุนของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน โดยการลงทุนในภาคอสังหาฯลดลงกว่า 50% ซึ่งมาจากกำลังซื้อของประชาชนที่ลดลงมาก เนื่องจากขาดสภาพคล่องในการใช้จ่าย รวมทั้งความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์ที่มีมากขึ้นซึ่งในส่วนนี้ต้องมีการใช้มาตรการแก้หนี้แบบพุ่งเป้ามากขึ้น
ลงทุนของเอกชนทั้งปีจะขยายตัวได้ 0.3%
ทั้งนี้ สศช.คาดว่าการลงทุนของเอกชนทั้งปีจะขยายตัวได้ประมาณ 0.3% โดยปรับลดลงจากคาดการณ์เดิมที่คาดว่าการลงทุนเอกชนจะขยายตัวได้ 3.2%
ส่วนการลงทุนภาครัฐ สศช.คาดว่าทั้งปีจะหดตัว 0.7% จากเดิมที่คาดว่าจะหดตัวจากปีก่อน 1.8% ซึ่งคาดการณ์ว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้การเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐจะเร่งตัวขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากมีการทำสัญญาผูกพันงบรายจ่ายลงทุนไว้แล้ว โดยในขณะนี้การเบิกจ่ายงบลงทุนไปได้แล้วประมาณ 1 แสนล้านบาท
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สภาพัฒน์ แถลง จีดีพีไทย ไตรมาสแรก ปี2567 ขยายตัว 1.5%