แซนด์ (Sands) ยักษ์ใหญ่คาสิโนระดับโลก ย้ำมองการลงทุนรีสอร์ทและ คาสิโน ในประเทศไทย เพราะมีศักยภาพสูงด้านการท่องเที่ยว พร้อมกับติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งก่อนหน้านี้คาดว่า รัฐบาลไทยแก้ไขกฏหมายอนุญาตให้จัดตั้งคอมเพล็กซ์ด้านันเทิ พร้อมคาสิโน ถูกกฏหมายเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในปี 2029
แพ็ททริก ดูมอง ประธาน และ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Las Vegas Sands (LVS) กล่าวกับ นักวิเคราะห์ในการสรุปรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ว่า การลงทุนของ LVS คือ พร้อมที่ลงทุนพัฒนารีสอร์ท และ คาสิโน ในรัฐนิวยอร์ค และ เท็กซัส และ ตอนนี้กำลังมองการลงทุนยังประเทศไทย ประเทศไทย เป็นโอกาสที่น่าสนใจมาก ตลาดที่นั่นมีศักยภาพสูงในด้านการท่องเที่ยว อาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเรา
“เราชื่นชอบตลาดไทยในฐานะสถานที่หาลูกค้า การท่องเที่ยวที่ประเทศไทยมีคุณภาพสูง หากคุณไปเยือน คุณจะได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม และเราต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนั้น
ดังนั้น หากประเทศไทย พร้อม เราคงสนใจมาก แต่ตอนนี้ ยังถือว่าเร็วเกินไป ฉันคิดว่าเราต้องใช้เวลาในการศึกษา และ ติดตามความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมนี้เพื่อดูว่าเราจะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหน และ เราจะรอและติดตามสถานการณ์ต่อไป”
ก่อนหน้านี้ มีข่าวมาอย่างต่อเนื่องว่า LVS ให้ความสนใจอย่างมาก ต่อตลาดประเทศไทย และ เห็นถึงศักยภาพในการขยายธุรกิจในภูมิภาคนี้ โดย ร็อบ โกลดสไตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้แสดงความเห็นว่า ไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจ เนื่องจากมีประชากรจำนวนมาก การเข้าถึงที่สะดวก และ ความนิยมในฐานะจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว บริษัทมองว่าการเปิดคาสิโน ในประเทศไทยเป็นโอกาสที่ดี ในการลงทุน แล ะขยายธุรกิจ
โดยเฉพาะเมื่อมีความก้าวหน้าในด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตให้มีคาสิโนในประเทศ รัฐบาลไทย กำลังพิจารณาการจัดตั้งศูนย์คอมเพล็กซ์ความบันเทิงที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวและการสร้างงาน
ความสนใจของ LVS สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทในการขยายตลาดทั่วโลกและใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ ๆ ในภูมิภาคที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น ประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม บริษัท ยังรับรู้ว่ากระบวนการทางกฎหมายในประเทศไทย จะต้องใช้เวลา โดยคาดการณ์ว่าคาสิโนแห่งแรกในประเทศไทย จะเปิดให้บริการในปี 2029 ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในท่าทีของประเทศไทยเกี่ยวกับการพนัน และ เปิดโอกาสใหม่ให้กับ LVS ในตลาดเอเชีย
สำหรับ Las Vegas Sands เป็นบริษัทรีสอร์ท และ คาสิโนระดับโลก ก่อตั้งโดย Sheldon Adelson โดย มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา
โดยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2024 ของ LVS มีรายได้รวม 2.76 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ คาดการณ์ไว้ที่ 2.82 พันล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิ 424 ล้านดอลลารฺ โดยรายได้จากการดำเนินงานในบางภูมิภาคที่ต่ำกว่าที่คาด ความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่หลัง จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมคาสิโนและรีสอร์ต
ปัจจัยสำคัญรายได้จากการดำเนินงานในมาเก๊า รายได้สุทธิ 1.62 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับคาดการณ์ นักวิเคราะห์ คาดว่าการฟื้นตัวในมาเก๊ายังไม่กลับมาเต็มที่เหมือนช่วงก่อนการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ส่วน สิงคโปร์ มีรายได้สุทธิ 925 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันผลประกอบการโดยรวม
ทั้งนี้ LVS มีธุรกิจในเอเชียหลัก ๆ อยู่ที่มาเก๊าและสิงคโปร์ ที่มาเก๊าบริษัทในเครือคือ Sands China Ltd. บริหารงานรีสอร์ทคาสิโนหลายแห่ง เช่น The Venetian Macao, Sands Macao, The Parisian Macao, The Londoner Macao และ The Plaza Macao
ส่วน สิงคโปร์ ได้แก่ Marina Bay Sands เป็นรีสอร์ทแบบครบวงจรที่รวมถึงคาสิโนโรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และศูนย์ประชุม
สำหรับการคาดการณ์ LVS คาดว่ากำไรต่อหุ้นจะเติบโตประมาณ 11.74% ในปีหน้า จาก 2.64 ดอลลาร์ เป็น 2.95 ดอลลาร์ต่อหุ้น
