บขส.เปิดให้ จองตั๋วออนไลน์ ผ่าน “เฟซบุ๊ก” และ “ไลน์” (ฟรีไม่มีค่าธรรมเนียมบริการ) อำนวยความสะดวกประชาชน เดินทางสะดวก จองง่าย ปลอดภัย ได้เดินทางชัวร์ เริ่มตั้งแต่ 1 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป
- อำนวยความสะดวกประชาชน
- จองง่าย ปลอดภัย
- ได้เดินทางชัวร์
วันที่ 1 มิ.ย.2567 นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการฯ รักษาการแทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่หลังช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นต้นมา พบว่าจำนวนประชาชนและนักท่องเที่ยว เดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการเดินทางดังกล่าว และอำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการให้ได้รับบริการที่มีคุณภาพ สะดวกสบาย และรวดเร็ว
ตามนโยบายของนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ได้มอบหมายให้ บขส. พัฒนาคุณภาพการให้บริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน โดยเน้นเรื่อง จองตั๋วออนไลน์
บขส.จึงได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำ และอำนวยความสะดวกในการจองตั๋วผ่านช่องทาง Facebook Page : บขส.(https://www.facebook.com/BorKorSor99) และช่องทาง แอปพลิเคชัน Line : @บขส.99 (Id:TCL99) ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป ในวันจันทร์ – อาทิตย์ ระหว่างเวลา 06.00 – 23.00 น. (ฟรีไม่มีค่าธรรมเนียมบริการ)
ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ผ่านทางกล่องข้อความ จากนั้นให้แจ้งข้อมูลผู้เดินทาง เส้นทาง วัน และเวลาเดินทาง, รับ QR Code ชำระเงิน และนำไปชำระเงิน ผ่าน Mobile banking “บริษัท ขนส่ง จำกัด” หรือที่ เคาน์เตอร์เซอร์วิส ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขา จากนั้นผู้โดยสารสามารถแสดงตั๋วโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมบัตรประชาชน ในวันที่เดินทางและขึ้นรถโดยสาร บขส. ได้เลย
นอกจากนี้ผู้ใช้บริการ ยังสามารถจองตั๋วล่วงหน้าของ บขส. ได้จากช่องทางเดิม เช่น Application : E-ticket และ Website บขส. และที่ช่องจำหน่ายตั๋วของ บขส. ทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 02-936-3660 (ในวันและเวลาราชการ) หรือ บขส. Call Center 1490
- บขส. คุมเข้มมาตรการความปลอดภัยช่วงฤดูฝน
ด้าน นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการและรักษาการแทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝนแล้ว ทำให้หลายพื้นที่มีฝนตก อาจก่อให้เกิดอุปสรรคในการขับขี่รถบนท้องถนน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ
ด้วยความห่วงใย นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม จึงได้มีนโยบายและกำชับให้ บขส. ควบคุมและกำกับดูแลให้รถโดยสารของ บขส. และรถร่วมฯ ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย อย่างเข้มงวด
โดยได้กำชับ บขส. และรถร่วมฯ ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เช่น ตรวจสภาพความพร้อมของรถโดยสาร (สภาพยาง, ก้านปัดน้ำฝน, ไฟหน้า-หลัง, ระบบเบรก, เข็มขัดนิรภัย)
ก่อนให้บริการเป็นพิเศษ เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูฝนเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ พนักงานขับรถต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ควบคุมความเร็วในการขับขี่ไม่เกิน 90 กม. ต่อชม. ตามที่กฎหมายกำหนด เมื่อเจอฝนตก สภาพถนนเปียก เส้นทางน้ำท่วมขัง ให้ใช้ความเร็วลดลง ใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ไม่ประมาท
พร้อม จัดพนักงานขับรถ 2 คน ในเส้นทาง สายยาวเดินทางเกิน 6 ชม. ตรวจสภาพความพร้อมของร่างกาย และจิตใจก่อนปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่งผู้โดยสารถึง จุดหมายอย่างปลอดภัย
นายอรรถวิท กล่าวต่อว่า บขส. ได้พัฒนาทักษะการขับขี่ของพนักงานขับรถโดยใช้เครื่องจำลองการขับขี่ (Bus Simulator) ในศูนย์ฝึกแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่จำลองขับรถโดยสารขนาดใหญ่
เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะ สัมผัสกับสถานการณ์การขับรถที่คล้ายสถานการณ์จริงช่วยเพิ่มพูนทักษะการขับรถ และแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า จากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดรวมถึงช่วยลดอุบัติเหตุและสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการ
นอกจากนี้ ยังได้จัดโครงการพัฒนาทักษะตามเส้นทางสายอาชีพ TCL : Service Excellence (การบริการที่เป็นเลิศ) ให้กับกลุ่มพนักงานบริการประจำรถ เช่น พนักงานบริกร พนักงานต้อนรับ เพื่อสร้างความเข้าใจในงานบริการ เสริมสร้างทัศนคติ
และสร้างจิตสำนึกที่ดีในการให้บริการลูกค้า รวมทั้งยกระดับมาตรฐานการให้บริการเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้บริการ
ปัจจุบัน บขส.ได้เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ โดยผู้โดยสารสามารถจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ (Application : E-ticket และ Website บขส. : https://tcl99web.transport.co.th) จากเดิม 90 วันเป็น 1 ปี และผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วโดยสารผ่านช่องทางออนไลน์
ทั้งนี้ผู้โดยสารสามารถแสดงหน้าจอการจองตั๋ว หรือ สแกนตั๋วโดยสารขึ้นรถได้โดยไม่ต้องออกตั๋วโดยสารใหม่ นอกจากนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน รถโดยสาร (ขาออก) ทุกคันจะเข้าจอดก่อนเวลารถออก 20 นาที และจะออกรถตรงเวลา จึงขอความร่วมมือผู้โดยสาร ตรวจเช็คเวลารถออก และจุดขึ้นรถในตั๋ว ก่อนเดินทางทุกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : บขส. เผยคนเดินทางฉลองสงกรานต์พุ่ง 5 แสนคนรถโดยสาร 3 หมื่นเที่ยว
