

“ยุทธศักดิ์ สุภสร” เปิดนโยบายพลิกโฉม “กนอ.” 3 ปีหน้า ปี’69 ปลุกเงินลงทุนสะพัด 3.05 ล้านล้านบาท ชู3 พลัง “การลงทุนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม-ใช้พลังงานสะอาด-หมุนเวียนใช้ทรัพยากร” ดัน EEC และตั้งนิคมรับอนาคตเมกะโปรเจกต์แลนด์บริดจ์
- ประธานบอร์ดใหม่ลั่นพลิกโฉม กนอ.ปั๊มเงินลงทุนไหลเข้าไทยปีละ 3 ล้านล้าน
- ปี67มีข่าวดีปรับการทำงานกระชับสั้ง่ายพร้อมอินเซนทีฟและต่อยอดสู่ท่องเที่ยว
- ปี’68ประกาศปีลงทุนยั่งยืนตั้งเข็มดันนิคมสีเขียวร่วมเทรนด์โลกลดคาร์บอนเป็นศูนย์
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการ (บอร์ด) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.พร้อมจะทำภารกิจสร้างแรงดูดเม็ดเงินไหลเข้าประเทศไทยอีก 3 ปีหน้า เริ่มจากปี67 ต่อเนื่องปี68 วางแผนจะให้ประกาศเป็นปีแห่งการลงทุนอย่างยั่งยืน ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศเติบโตตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด โดยจะต้องเน้นภาพรวม โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมาเม็ดเงินลงทุนต่ำส่งผลทำให้เศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าที่ควรจะเป็นตามไปด้วย ปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุน 24 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.6 ล้านล้านบาท หากต้องการให้ประเทศไทยเติบโตตามเป้าหมายที่กำหนด เพื่อหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางแล้ว กนอ.จะต้องเพิ่มสัดส่วนการลงทุนให้มีไม่น้อยกว่า 27 % ของจีดีพี ดังนั้นทางผู้บริหารและบุคลกรทุกคนจึงตั้งเป้าหมายปี69 เพิ่มเป็น 3.05 ล้านล้านบาท จากปีนี้67 จะต้องทำให้ได้ 2.6 ล้านล้านบาท โดยจะเน้นพัฒนาพื้นที่ พลังงาน และคน ทำพร้อมกัน 3 ส่วนหลัก คือ

ส่วนที่ 1 การพัฒนาพื้นที่ กนอ.ต้องเข้าไปส่วนมีร่วมในบริเวณจุดยุทธศาสตร์ประเทศ หรือ Area base ทั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC : Eastern Economic Corridor ) และโครงการที่กำลังพูดถึงกันอยู่ขณะนี้อย่างเขตแลนด์บริดจ์ หรือสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าไทย-อันดามัน ภาคใต้ ส่วนที่ 2 พัฒนาพลังงาน ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด พลังงานทดแทน รวมถึงหามาตรการช่วยผู้ประกอบการลดการใช้พลังงานในนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ส่วนที่ 3 พัฒนาคน ยิ่งอุตสาหกรรมพัฒนาก้าวหน้ามากเพียงใด กนอ.ก็ต้องยิ่งมีส่วนร่วมสร้างแรงงานทักษะสูง โดยเฉพาะวิศวกร ให้มีศักยภาพด้วยจำนวนคนมากเพียงต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมอนาคตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
โดยจะให้น้ำหนักความสำคัญกับ 4 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 อุตสาหกรรม BCG ทั้งผลิตภัณฑ์ชีวภาพ อาหารแปรรูป การแปรสภาพของเสียเป็นพลังงาน อุตสาหกรรมเกี่ยวกับเทคนโนโลยีและสิ่งแวดล้อม กลุ่มที่ 2 อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด ได้แก่ การผลิตพลังงานหมุนเวียน การรผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV กลุ่มที่ 3 อุตสาหกรรมอิเลคทรอนิกส์ ทั้งการผลิตอุปกรณ์ ชิ้นส่วนต่าง ๆ เซมิคอนดรักเตอร์ กลุ่มที่ 4 อุตสาหกรรมดิจิทัล เช่น ผลิตซอฟท์แวร์ แพลตฟอร์ม อีคอมเมอร์ซ ต่าง ๆ ด้วยการเตรียมความพร้อมทางโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคให้ครอบคลุม ผนวกกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ สนับสนุนการลงทุนที่ดีมากขึ้น
ด้วยการนำอินเซ็นทีฟเข้ามาดึงดูดการลงทุนทั้งอุตสาหกรรมในและต่างประเทศจะทำคู่กัน 2 แนวทาง คือ แนวทางแรก “มาตรการทางภาษี” ปัจจุบันไทยให้ในอัตราที่ดีเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ได้ จากการสอบถามผู้เกี่ยวข้องนักลงทุนปัจจุบันให้น้ำหนักกับสิทธิประโยชน์ แนวทางที่ 2 “มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี” เพิ่มมากขึ้นคือความสะดวกการลงทุน Ease of doing business ทาง กนอ.สามารถทำได้โดยตรง แล้วก็ทำแบบ One Stop Service โดยสามารถขยายบริการไปยังส่วนอื่นได้ด้วย ก็จะทำให้ไทยน่าการลงทุนเสริมได้มากกว่าทาง BOI และ กนอ.ดูแลด้านภาษีเป็นอย่างดีเป็นปกติ
ดร.ยุทธศํกดิ์ กล่าวว่าปี67 กนอ.จะมีข่าวดีเรื่องปรับรูปแบบการทำงานเชิงรุกเป็นทีม ช่วยร่นระยะขั้นตอนกับระยะเวลาให้กระชับสั้นลง สะดวกง่ายขึ้น เช่น นักลงทุนมาดูพื้นที่แล้ว ยังไม่ได้ตัดสินใจ กนอ.จะใช้วีใหม่คือแนะนำเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีขอส่งเสริมการลงทุนระหว่างการเลือกพื้นที่ในนิคมกับนอกนิคมเข้าไปในคราวเดียวกัน กับให้ข้อมูลความพร้อมด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานระดับประเทศ เพื่อจูงใจนักลงทุนเลือกพื้นที่ในเขตนิคมมากว่าเพราะทำทุกอย่างได้สะดวกมากขึ้น รวมทั้ง กนอ.ให้ความสำคัญกับเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 2 พื้นที่ ได้แก่

พื้นที่ 1 EEC คืบหน้าค่อนข้างมากตอนนี้จะต้องหาวิธีทำให้เป็นหัวจักรบูรณาการร่วมกันปลดล็อกปัญหาต่าง ๆ เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทาง กนอ.พยายามเชิญชวนให้คนเข้ามาลงทุนเพิ่นขึ้น พร้อมปรับเปลี่ยนทำ Customize incentive ตอบโจทย์ความต้องการผู้ประกอบการมากขึ้น โดยได้จัดเตรียมครบทั้ง “ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ” ไว้แล้ว ได้แก่ “ดิน” คือพื้นที่ลงทุน “น้ำ” ระบบสาธารณูปโภคมีเพียงพอไม่กระทบภาคครัวเรือน “ลม” จะไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ และ “ไฟ” พลังงานสะอาด สอดคล้องตามนโยบายรมว.อุตสาหกรรม
พื้นที่ที่ 2 Landbridge โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก 2 ฝั่งทะเลอ่าวไทยในจังหวัดชุมพร และท่าเรือน้ำลึกฝั่นอันดามันจังหวัดระนอง อยู่ในระยะเริ่มต้น กนอ.มองว่าจะเข้าไปเสริมอย่างไรได้บ้าง ทั้งชุมพรกับระนอง จะต้องมีนิคมรองรับอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นจากการสร้างท่าเรือน้ำลึก ต่อไปจะต้องพัฒนา LINK to Landbridge ขึ้นมา ซึ่ง กนอ.ได้วางแผนระยะยาวเติบโตคู่กับเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลในอนาคตด้วย
ดร.ยุทธศักดิ์ ย้ำว่า กนอ.จะเดินหน้าเชื่อมโยงต่อยอดกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยยกระดับเป็น “นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์” เพิ่มพื้นที่สีเขียวและความยั่งยืนขานรับเปลี่ยนแปลงของโลกด้านสิ่งแวดล้อมตามนโยบย รมว.พิมพ์ภัทรา เน้นย้ำมากเรื่องประสิทธิภาพบริการลดผลกระทบทางลบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน เตรียมพลิกโฉมใหม่เพิ่ม 2 แนวทาง คือ 1. นิคมอุตสาหกรรมเที่ยวได้ เปลี่ยนมาเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ หรือเชิงนิเวศน์ รวมทั้งการเปิดให้ผู้ประกอบการไมซ์สาขาต่าง ๆ เข้ามาทำกิจกรรม เช่น จัดประชุม สัมมนา
2. เชื่อมโยงการท่องเที่ยวมูลค่าสูงกับภาคการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมได้ ซึ่งตามแผนยุทธศาสตร์สำนักงานคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ระบุไว้ชัดเจนถึงเป้าหมายขับเคลื่อนการท่องเที่ยวมูลค่าสูง นั่นก็คือ อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร หรือ Medical Hub ซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในนิคมได้ด้วยศักยภาพความพร้อมของไทย ประกอบด้วย แพทย์มีคุณภาพและความเชี่ยวชาญ ผนวกกับการมีโรงงานผลิตเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์เข้าไปด้วย ก็จะช่วยขยายฐานนักเดินทางกลุ่มดูแลรักษาสุขภาพต่างประเทศเข้ามาไทยมากขึ้น เป็นกลุ่มที่พร้อมใช้จ่ายเงินเฉลี่ยกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปหลายเท่า และร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน “ซอฟท์ พาวเวอร์” ทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายการลงทุนของไทยและทั่วโลก เร่งทำอย่างเข้มข้น 3 เรื่อง

เรื่องที่ 1 ช่วยผู้ประกอบการหรือ Supply Chain ปรับเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมเชื่อมโยงไปสู่การแบ่งปันเชิงคุณค่าเพิ่มมากขึ้น อาศัยการมีส่วนร่วม ตลอดห่วงโซ่อุปทานนำไปสู่การออกแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน เรื่องที่ 2 เปลี่ยนผ่านนวัตกรรมพลังงาน ทั้งพลังหมุนเวียน สะอาด และนวัตกรรมอื่น ๆ ที่จะสร้างผลตอบแทนระยะยาว โดยมีแผนแม่บทชัดเจน ยกระดับพลังงานโรงงานเป็นกรีนทั้งหมด
เรื่องที่ 3 เข้าไปมีส่วนร่วมลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน (Neutral Carbon) เข้าสู่การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ Net Zero Emission ภายในปี 2608 เพื่อให้เศรษฐกิจประเทศไทยเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ สร้างความยั่งยืนด้วยการลงทุนสีเขียวเป็น ซอฟท์ เพาเวอร์ ครบ 3 พลัง คือ การลงทุนอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานสะอาด และหมุนเวียนทรัพยากรอย่างมีคุณค่าตลอดไป -เรื่องโดย เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน