

“ชัยธวัช” หัวหน้าพรรคก้าวไกล เผยแถลงงบปี 67 เป็นแบบประมาณที่กว้างๆ ดูเนื้อในแล้วจับต้องไม่ได้ ไม่มียุทธศาสตร์ ลั่นผิดหวังอย่างถึงที่สุด
- เผยหากดูในแผนงานแต่ละกระทรวงจะพบปัญหาเต็มไปหมด ทั้งไม่มีตัวชี้วัดที่ชัดเจน ไม่สามารถวัดความสำเร็จจากนโยบายได้จริง
- ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการเดิมๆ ที่กระทรวงทำอยู่แล้วทุกปี บ้างก็ยัดโครงการประจำของกระทรวงเข้ามา
- ย้ำชัดไม่อยากเห็น พ.ร.บ.งบประมาณที่เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างนี้อีกในครั้งต่อไป
วันนี้ (3 ม.ค.67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรทำหน้าที่ประธานที่ประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2567 วาระแรก โดยนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ได้อภิปรายภายหลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี67 ต่อที่ประชุมสภาว่า วันนี้ตนฟังนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรีอ่านเอกสารประกอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ทำให้ตนนึกถึงบรรยากาศในวันที่นายกฯ แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแห่งนี้อีกครั้ง เพราะมันเต็มไปด้วยข้อความสวยหรูเต็มไปหมด
ซึ่งนายกฯ คนก่อนหน้านี้ก็มาอ่านแบบนี้เช่นกัน เอาภารกิจของทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวงมาเรียบเรียง และบอกว่ารัฐบาลจะทำอะไร แต่ผลเป็นอย่างไร จะออกมาสวยหรูอย่างที่แถลงไว้หรือไม่ ทุกท่านทราบดี
ในวันที่นายกฯ แถลงนโยบายต่อรัฐสภาก็บรรยากาศแบบนี้ เพิ่มเติมคือมีตัวเลขงบประมาณรวมมาให้ในแต่ละยุทธศาสตร์ แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม คือเป็นการแถลงแผนงาน และเป็นงบประมาณที่กว้างๆ ถ้าไปดูเนื้อในแล้วมันจับต้องไม่ได้ ไม่มียุทธศาสตร์ ไม่มีความสำคัญ
นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า หากย้อนไปในวันที่ 11 ก.ย.2565 นายกฯ แถลงนโยบายต่อรัฐสภาบอกว่าประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายที่สำคัญทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองภายในประเทศ สถานการณ์ของประเทศวันนี้มีวิกฤตสำคัญ 3 เรื่อง คือ 1.วิกฤตรัฐธรรมนูญ 2.วิกฤตเศรษฐกิจปัญหาปากท้องของประชาชน และ 3.วิกฤตความขัดแย้งในสังคม โดยนายกฯ บอกว่า เพื่อที่จะแก้ปัญหาสร้างความพร้อมและวางรากฐานอนาคตให้กับคนไทยทุกคน ในระยะสั้นรัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องกระตุ้นรายจ่าย จุดประกายให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจกลับมาเติบโตอีกครั้งประกอบกับการเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วนรวดเร็ว
ส่วนกรอบระยะกลางและระยะยาว รัฐบาลจะเสริมขีดความสามารถให้กับประชาชนผ่านการสร้างรายได้ ลดรายจ่ายสร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ ถ้านายกฯ จำได้ในวันนั้นพวกเราพรรคฝ่ายค้านก็ได้อภิปรายวิพากษ์วิจารณ์การแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ไม่ว่านโยบายของรัฐบาลชุดนี้ไม่เหมือนกับที่เคยหาเสียงไว้บ้างไม่มีความชัดเจน ซึ่งนายกฯ บอกว่าให้รอดูแผนงานของแต่ละกระทรวงต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อลงไปดูในแผนงานแต่ละกระทรวงต่างก็พบปัญหาเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นแผนงานที่ไม่มีตัวชี้วัดที่ชัดเจน ไม่สามารถวัดความสำเร็จจากนโยบายได้จริง หรือไม่ก็เป็นแผนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายทางนโยบายจริง และเมื่อเข้าไปดูไส้ในของนโยบายเหล่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการเดิมๆ ที่กระทรวงทำอยู่แล้วทุกปีบ้างก็ยัดโครงการประจำของกระทรวงเข้ามาเป็นแนวนโยบาย บอกว่าเป็นแผนงานที่รัฐบาลใหม่จะทำ สับสนจนแยกไม่ออกว่าตกลงอันไหนเป็นสิ่งที่รัฐบาลใหม่จะทำ หรืออันไหนเป็นงานประจำที่แต่ละหน่วยงานทำอยู่แล้วทุกปี
ทั้งนี้ ตนไม่ได้มีปัญหาหรือโทษหน่วยงานราชการ เพราะเวลาที่รัฐบาลสั่งเขาก็เขียนมาให้ แต่สุดท้ายการที่จะบริหารบ้านเมืองเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในเชิงยุทธศาสตร์และนโยบาย เรือธงของรัฐบาลเป็นภาระของนายกรัฐนตรี และครม. ไม่ใช่หน่วยงานราชการ รัฐบาลต้องเป็นผู้นำ ข้าราชการเป็นผู้ตาม
นายชัยธวัช กล่าวว่า ทั้งนี้ รัฐบาลใช้เวลา 3 เดือน ในการปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ ซึ่งก็คาดหวังกันว่าจะนำไปสู่การจัดสรรงบใหม่ เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพ แต่สุดท้าย 3 เดือนผ่านไปมาดูร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ฉบับนี้ ที่กำลังพิจารณากันอยู่มันแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอย่างน้อย พ.ร.บ. ฉบับนี้ ควรยึดโยงกับนโยบายเร่งเด่นของรัฐบาลให้เห็นอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่มี
ทั้งนี้ ถ้าไปดูเนื้อในของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณจะพบว่า มันเป็นการจัดสรรงบประมาณที่ไม่ได้ตอบโจทย์จริงๆ หัวข้ออาจจะสวยหรู แต่เนื้อไส้ในตอบไม่ได้ว่ามันจะบรรลุเป้าหมายทางนโยบายอย่างไร ลักษณะแบบนี้เกิดเยอะแยะเต็มไปหมดในร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือการลดค่าไฟ ตอนนี้นโยบายการลดค่าไฟของรัฐบาลคือการผลักให้ กฟผ. ไปแบกรับภาระ ไม่มีการตั้งงบเพื่อชดเชยหนี้ให้กับ กฟผ.
“นโยบายเร่งด่วนบอกว่าจะให้คนไทยได้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ซึ่งเราทราบกันดีว่าถ้าจะไปสู่จุดนั้นในปีนี้ คงจะต้องมีการจัดทำประชามติเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญอย่างน้อย 1-2 ครั้ง แต่เราก็ไม่เห็นการตั้งงบประมาณรอไว้สำหรับเรื่องนี้แต่อย่างใด กกต.ของบประมาณไป 2,000 ล้านบาท แต่สุดท้ายได้รับงบประมาณมา 1,000 ล้านบาทโดยประมาณ อย่างนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่คาดการณ์ได้ชัดเจนอยู่แล้วแต่มันก็ไม่เกิดขึ้น ส่วนนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งตอนที่แถลงนโยบายนั้น นานกฯ กับรัฐบาลยืนยันว่า จะไม่กู้ จะบริหารงบประมาณปกติในการดำเนินนโยบายอันนี้ แต่มาวันนี้ก็ชัดเจนว่า ไม่มีการตั้งงบประมาณใดๆ ไว้ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 67 นี้ และชัดเจนด้วยว่า รัฐบาลจะต้องรอที่จะเสนอร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เข้าสู่สภาได้หรือไม่” นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวว่า ถ้าเราดูในภาพรวมของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ฉบับนี้ วงเงิน 3.48 หมื่นล้านบาท จะพบว่ามันเป็นงบประมาณที่เป็นเบี้ยหัวแตก ไม่มียุทธศาสตร์เหมือนทำงานอย่างไม่มีวาระเป้าหมายชัดเจน หลายเรื่องหน้าปกดูดีแต่พอเข้าไปดูไส้ในแล้วพบว่า ไม่ได้ยึดโยงกับเป้าหมายในทางนโยบาย ส่วนใหญ่เป็นโครงการเดิมๆแต่เอามาเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนปกแบบมั่วๆ ก็มี โครงการเก่าๆ เดิมๆ ก็จับมาโยงกับเป้าหมายใหม่ แถมยังนับรวมทุกรายจ่ายมาเคลมว่าเป็นงบใหม่สำหรับการลงทุนของรัฐบาลใหม่ที่ชอบทำที่สุดก็อย่างทำถนน กลายเป็นงบโครงการพิเศษที่ตอบโจทย์ได้แทบทุกยุทธศาสตร์ โดยโครงการที่ตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ประมาณ 2,000 โครงการ เราเห็นโครงการใหม่อยู่ 200 โครงการเท่านั้น ซึ่งโครงการใหม่แทบทั้งหมดใน 200 โครงการนี้ เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะรัฐบาลชุดใหม่แต่เกิดขึ้นเพราะมีหน่วยรับงบประมาณใหม่ที่ตั้งขึ้นมาก่อนหน้านี้ ไม่ใช่การผลักดันเพื่อขับเคลื่อนวาระใหม่ของรัฐบาล
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาในการจัดทำงบประมาณในครั้งนี้ ได้คาดการณ์รายได้เกินจริงไปเยอะ เท่าที่มาคำนวณน่าจะประมาณ 1 แสนล้านบาท ทำไมต้องคาดการณ์เกินจริงไปขนาดนั้น ก็เพื่อจะได้ทำแผนรายจ่ายได้สูงขึ้น แต่ขณะเดียวกันในฝั่งรายจ่ายกลับตั้งงบรายจ่ายที่ควรจะทราบว่าต้องจ่ายแน่ๆ หรือคาดการณ์ได้ว่าจะต้องจ่ายในปีงบประมาณนี้ไว้ไม่พอ เช่น บำเหน็จบำนาญ เงินเดือนข้าราชการ งบสวัสดิการ ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วก็ทำแบบนี้ ตั้งงบไว้ไม่พอ รู้อยู่แล้วว่าต้องจ่าย แล้วสุดท้ายก็ต้องไปตั้งรายจ่ายชดเชยเงินคงคลังทีหลัง
นอกจากนั้น ยังมีเรื่องงบประมาณเพื่อตอบสนองนโยบายเพิ่มเงินเดือนข้าราชการของรัฐบาลชุดใหม่ ค่าชดเชยภาษีรถEV ที่ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลเก่า ค่าไฟที่ต้องชดเชยหนี้ให้กับ กฟผ. งบซอฟต์ พาวเวอร์ ที่ระบุว่าต้องตั้งงบไว้ 5,000 ล้านบาท เหล่านี้ก็ไม่เคยมีในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ ซึ่งประมาณการว่าไม่น่าจะน้อยกว่า 1 แสนล้านบาท และสุดท้ายก็ต้องปัดเป็นงบกลาง และเป็นรายจ่ายที่ต้องชดเชยเงินคงคลังในปีถัดๆ ไป ไม่ต่างจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่เคยทำแบบนี้เช่นกัน
“พวกเราในฐานะฝ่ายค้าน ไม่อยากเห็น พ.ร.บ.งบประมาณที่เหมือนเดิม ที่ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างนี้อีกในครั้งต่อไป แม้จะเป็นฝ่ายค้าน พวกเราก็พร้อมสนับสนุนฝ่ายบริหาร ฝ่ายรัฐบาลในการที่จะปฏิรูประบบราชการ ในการที่จะปฏิรูประบบงบประมาณครั้งใหญ่ เพราะมันมีความสำคัญต่อการสร้างอนาคตร่วมกันของพวกเรา โดย 3 วัน ต่อจากนี้ พวกเราฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎรอย่างซื่อตรงต่อผลประโยชน์ของประชาชนอย่างถึงที่สุดและสร้างสรรค์ขอให้ฝ่ายบริหาร ฝ่ายรัฐบาลเปิดใจรับฟังข้อวิพากษ์วิจารณ์ข้อเสนอแนะ และความเห็นของพวกเราฝ่ายค้าน ด้วยหวังว่าสุดท้ายการพิจารณางบประมาณของสภาแห่งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แม้ว่าเราจะผิดหวังกับร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฉบับนี้อย่างถึงที่สุดก็ตาม” นายชัยธวัช กล่าว