

บางจากฯ ตอกย้ำความสำเร็จปี’66 นำทุกกลุ่มธุรกิจ เติบโตค่าเฉลี่ยสูงกว่าอุตสาหกรรมรวม ลั่นปี’67 ขึ้นปีที่ 40 นำทัพผงาดผู้นำความแข็งแกร่ง
- บางจากสรุปผลงานปี’66 นำธุรกิจพลังงานไทยผงาดแถวหน้าด้านมั่นคงยั่งยืน
- ปี’67ผงาดปีที่ 40 ลุยรักษาสมดุลพลังงาน 3 ประการ “ผลิต-ลดต้นทุน-คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ”
- เร่ง 5 กลุ่มธุรกิจโตไม่ยั้ง ปี’67 เพิ่มการกลั่นน้ำมันดิบ 72% ปี’73 ขยายปั๊ม 2,500 แห่ง
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจตลอด 2566 ถือเป็นปีแห่งความสำเร็จของบางจากทุกกลุ่มธุรกิจเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมและได้พัฒนาธุรกิจสำคัญหลายด้านซึ่งพิสูจน์ถึงศักยภาพและขีดความสามารถอันน่าภาคภูมิใจ โดยเฉพาะหลังเข้าถือหุ้นใหญ่บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือเดิมคือบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) พร้อมดำเนินงานต่าง ๆ เพื่อรักษาสมดุลความท้าทายด้านพลังงาน 3 ประการ(Energy Trilemma) ผ่านการผสานประโยชน์ธุรกิจด้วยการทำงานร่วมระหว่างกัน ทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตลดต้นทุน ทำให้เกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์สูงสุด รวมพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เปิดช่องทางให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงพลังงานในราคาเป็นธรรม สร้างความมั่นคงและยั่งยืนกับสังคมไทยและบริษัทฯ
บางจากฯ พร้อมก้าวสู่ปี 40 จะเดินตามแผนยุทธศาสตร์ที่ทำไว้ระหว่างปี 2567-2573 จะขยายการเติบโต 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ผนวกแผนพัฒนาธุรกิจใหม่เสริมความแข็งแกร่งต่อยอดธุรกิจปัจจุบัน (Extend) และแสวงหาโอกาสกระจายการลงทุนธุรกิจอื่น (Diversify) เพื่อตอบสนองความต้องการในอนาคต ได้แก่ 1.ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลวจะเป็นพลังงานสะอาด Bridging Energy ช่วงเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานนี้ 2.ธุรกิจให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามุ่งสู่ผู้นำการให้บริการแพลตฟอร์ม Battery as a Service (BaaS) รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 3.ใช้ศักยภาพสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) เน้นศึกษาเทคโนโลยีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พัฒนาพลังงานที่ยั่งยืน และใช้เทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์อย่างมีประสิทธิภาพ

พร้อมกับให้ความสำคัญเรื่องการรักษาวินัยทางการเงิน การจัดหาแหล่งเงินทุนหลากหลายรูปแบบอย่างเหมาะสมกับธุรกิจ เพื่อสนับสนุนทุกกลุ่มธุรกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและมั่นคง เป้าหมายปี 2567 บางจากฯ มุ่งพัฒนา 5 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 และ 2 ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน โรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลก 2 แห่ง ตั้งเป้ากลั่นน้ำมันดิบรวม 266,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 72 % จากปี 2566 ทำได้ 155,000 บาร์เรลต่อวัน ได้แก่ โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง ได้การยอมรับเรื่องคุณภาพระดับโลกโดยพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพต่อเนื่อง ทำต้นทุนการกลั่นต่ำประมาณ 1.3 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และใช้พลังงานในกระบวนการกลั่นอย่างมีประสิทธิภาพตั้งเป้าดัชนีชี้วัดการใช้พลังงานสากลที่ 1st Quartile
โดยมีแผนขยายเวลารอบหยุดซ่อมบำรุงจาก 2 เป็น 4 ปี เดินหน้าศึกษาเทคโนโลยีดักจับคาร์บอนเพื่อต่อยอดธุรกิจ ผนวกกับพัฒนามุ่งเป็นโรงกลั่นชีวภาพ (Bio-refinery) ผลิตBiofuel 2nd Generation ที่มีคุณสมบัติ Drop-in เทียบเท่ากับน้ำมันฟอสซิล มีผลิตภัณฑ์เป็นเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ตามแผนจะนำความสำเร็จการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง มาใช้กับโรงกลั่นบางจากศรีราชา มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพด้านต่าง ๆ สร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน ผสานประโยชน์ร่วมกัน ตั้งเป้าอัตราการกลั่นน้ำมันดิบศรีราชาปี 2567 ไว้ระดับสูงสุด 155,000 บาร์เรลต่อวัน
บางจากฯ ได้เดินหน้ากลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมัน แบบครบวงจรในห่วงโซ่มูลค่าด้วยการธุรกิจจัดหาน้ำมันดิบผ่านบริษัท บีซีพี เทรดดิ้ง (BCPT) จำกัด ในสิงคโปร์ ธุรกิจบริหารการขนส่งเชื้อเพลิงทางรถและเรือทางท่อและโลจิสติกส์ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ผ่านบริษัท กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ (BFPL) และธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนหรือ SAF จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว ผ่านบริษัทบีเอสจีเอฟ (BSGF) ล่าสุดจัดตั้ง บริษัท รีไฟเนอร์รี่ ออฟติไมซ์เซชั่น แอนด์ ซินเนอร์ยี่ เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด (ROSE) เพื่อจัดทำแผนและบริหารงานธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันทั้ง 2 แห่ง ให้เกิดประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน
กลุ่ม 3 ธุรกิจการตลาด ต่อยอด 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการให้สถานีบริการบางจากเป็นจุดหมายปลายทางตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการทุกวัย ตั้งเป้าภายในปี 2573 จะขยายปั๊มให้ได้มากกว่า 2,500 แห่ง จากสิ้นปี 2566 มีอยู่ 2,221 แห่ง และออกแบบเพิ่มยูนิคดีไซน์ที่ผู้บริโภคนิยมใช้
ส่วนที่ 2 มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงทั้ง Premium 97 และ Premium Diesel ตั้งเป้าขยายธุรกิจ non-oil เช่น ขยายร้านอินทนิลเพิ่มขึ้นปีละ 140 สาขา ภายในปี 2573 จะเพิ่มเป็น 2,000 สาขา กับเพิ่มความหลากหลายแบรนด์สินค้าต่าง ๆ เพิ่มร้านค้าสะดวกซื้อ ร้านค้าพันธมิตรที่มีศักยภาพในแต่ละปั๊ม ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดกลุ่มน้ำมันหล่อลื่นให้แบรนด์ FURiO เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

ส่วนที่ 3 เปลี่ยนตราสัญลักษณ์บางจากเป็น “ใบไม้ใบใหม่” และผสาน 2 แบรนด์อย่างราบรื่นจาก“เอสโซ่” เป็น“บางจาก” ให้แล้วเสร็จภายในมิถุนายน 2567 ด้วยแนวคิด “Your Greenovative Destination for Intergeneration” หรือจุดหมายปลายทางตอบโจทย์ผู้ใช้บริการทุกช่วงวัย โดยนำปรัชญาความเสมอภาคและการเข้าถึงทางกายภาพมาใช้ทุกแห่ง ซึ่งทาง บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) มุ่งสร้างความแข็งแกร่งและผลักดันธุรกิจหลัก(Core Business) เติบโตคือการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ตั้งเป้าปี 2567 มีปริมาณการผลิตไฟฟ้า (กิกะวัตต์-ชั่วโมง) เติบโตกว่าเท่าตัว เน้นทำ New S Curve เช่น ธุรกิจกักเก็บพลังงานทั้งยานยนต์ไฟฟ้าและโรงงานหรือนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียว และธุรกิจการบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ
ส่วน บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ตั้งเป้าหมายปี 2567 มีปริมาณจำหน่าย 560 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 40 % จากปี 2566 ขยายเครือข่ายสนับสนุนธุรกิจหลัก โดยพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงร่วมกับบางจากฯ ผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) และโรงงานเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงเชิงพาณิชย์ร่วมทุนกับ Fermbox Bio สหรัฐอเมริกา ในระยะแรกปี 2567 จะผลิตเอนไซม์ 200,000 ลิตร ปี 2570 เพิ่มเป็นมากกว่า 1 ล้านลิตร แล้วขยายการผลิตสู่ผลิตภัณฑ์ด้านชีววิทยาสังเคราะห์ (Synbio) อื่น ๆ ด้วย
กลุ่มที่ 4 และ 5 ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและกลุ่มธุรกิจขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ มุ่งสร้างความมั่นคงทางพลังงานผ่านการขยายธุรกิจ นำโดยธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ตั้งเป้าปี 2567 เติบโต 74% ด้วยกำลังการผลิตปิโตรเลียม 40,000 boepd (บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน) ปี 2573 เพิ่มอีกกว่า 100,000 boepd จากการดำเนินแหล่งปิโตรเลียมในนอร์เวย์ ผ่านบริษัทฯ OKEA ASA พร้อมกับเพิ่มการเติบโตธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติในแหล่งใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพในทวีปอื่น ๆ