รัฐปิดหีบรายได้ปีงบประมาณ 66 สุทธิ 2.66 ล้านล้านบาท



สศค. เผยเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้เพิ่ม ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคล-บุคคลธรรมดา

  • กรมสรรพากร จัดเก็บรายได้ 2.21 ล้านล้านบาท
  • ติดอันดับหนึ่งของการกรมภาษี
  • ฐานะการคลังยังแกร่งอยู่ที่ 539,056 ล้านบาท

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)​ เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ66 (ต.ค.65-ก.ย.66) จัดเก็บรายได้สุทธิ 2.664 ล้านล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 174,719 ล้านบาท หรือ 7 % และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.3 % โดยหน่วยงานที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ คือ 1.กรมสรรพากร จัดเก็บรายได้ 2.21 ล้านล้านบาท กรมสรรพสามิต 477,131ล้านบาท กรมศุลกากร 126,754 ล้านบาท รวมรายได้ 3 กรมภาษี 2.81 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ยังมีรายได้จากรัฐวิสาหกิจ 150,392 ล้านบาท ส่วนรายการอื่นๆ 232,353 ล้านบาท 

“ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในปีงบประมาณ66 มีรายได้ทั้งส้ิน 2.664 ล้านล้านบาท  มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ 3.262 ล้านล้านบาท โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 642,644 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนก.ย.66 มีจำนวน 539,056 ล้านบาท”  

นายพรชัย  กล่าวว่า สำหรับเหตุผลที่การจัดเก็บรายได้สูงกว่าการประมาณการ เป็นผลมาจากเศรษฐกิจขยายตัว ทำให้จัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้เพิ่มและมีรายได้พิเศษที่ไม่ได้อยู่ในประมาณการ เช่น การนำส่งทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนเป็นรายได้แผ่นดิน เงินส่วนเกินจากการจำหน่ายพันธบัตรจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล การนำส่งเงินเหลือจ่ายจากเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.)​ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟู เศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 เป็นรายได้แผ่นดิน รายได้จากสัมปทานมือถือ เป็นต้น 

ขณะที่กรมศุลกากร เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าสูงกว่าประมาณการ ซึ่งเป็นผลของค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ประกอบกับมีการชำระอากรขาเข้าย้อนหลังตามคำพิพากษาคดี ส่วนการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตต่ำกว่าประมาณการจากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ดีเซลเป็นระยะเวลา 10 เดือน เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนเป็นการชั่วคราวจากราคาน้ำมันดิบ ในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูง