ฟังชัดๆเน้นๆ “เศรษฐา” ชี้แจงข้อกล่าวหา “ตระบัดสัตย์”



“เศรษฐา” ชี้แจงข้อกล่าวหาตระบัดสัตย์ “ผมไม่ใช้คำว่าโกหก แต่ว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมา มันมีทางออกไหนหรือเปล่าล่ะ”

  • การที่เราผิดคำพูดต้องไปจับมือก็เพราะเป็นคณิตศาสตร์
  • 10 ล้านเสียงเลือกให้ผมมาเป็นรัฐบาล ยังไงผมก็ต้องเป็นรัฐบาล
  • เราต้องเรียกศรัทธากลับมา จากการทำงานของเรา
  • ผมว่าเป็นทางเดียวที่ทำได้ แล้วดูซิว่าจะเรียกศรัทธาคืนมาได้หรือไม่

“ผมก็ต้องไปจับมือกับพรรคอื่น อย่าใช้คำว่าลุงแล้วกัน ผมอยากให้ลืมวาทกรรมไป”

วันนี้(15กันยายน 2566)นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ในรายการ THE STANDARD : END GAME ถึงการวิพากษ์วิจารณ์ตามที่ได้เคยประกาศก่อนเลือกตั้งว่าจะไม่ร่วมกับรัฐบาล 2 ลุงไว้ โดยระบุว่าผิดสัญญากับประชาชน หรือตระบัดสัตย์กับประชาชน ก่อนเลือกตั้งว่า ถ้าย้อนเวลาไป ผลการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ผลออกมาแล้ว ตัวเลขทางคณิตศาสตร์ออกมา เราได้ที่ 2 น้อยกว่าที่ 1 ประมาณ 10 เสียง เราก็ไปจับมือกับพรรคอันดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถผ่านด่านสว.ได้ แล้วถ้าเกิดว่าทางพรรคเพื่อไทย จะเดินหน้าต่อ จะเดินต่ออย่างไร การที่เราจะทำหน้าที่เดินต่อไปได้ การมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ การมีนโยบายดีๆที่นำเสนอต่อพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ต้องผ่านกลไกของการเป็นรัฐบาล

คิดว่าผมมีทางออกอะไรบ้าง ถ้าเกิดผมไม่สามารถจับมือกับพรรคก้าวไกลได้ เพราะผมจับมือเขาแล้วเดินต่อไม่ได้ เพราะสว.ไม่โหวตให้ คณิตศาสตร์มันเห็นชัด 750 เสียง 250 เสียงมาจากสว. สว.มีอำนาจอยู่ ที่มาที่ไปของสว.ทราบอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร จุดยืนของผมทราบอยู่แล้วว่า ผมไม่เคยบอกว่าสว.เป็นคนไม่ดี แต่ที่มาที่ไปมันอาจจะไม่เหมาะสม แต่ว่าหลังวันที่ 14 พฤษภาคมเป็นต้นมา สว.มีสิทธิ์มีเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี 250 เสียง พรรคเพื่อไทย บวกกับพรรคก้าวไกลได้ 300กว่าเสียง 300ต่ำๆ ให้โอกาสพรรคอันดับหนึ่งเป็นคนไปรวบรวมเสียงมาเพื่อให้ได้ 376 เสียง เขาทำไม่ได้ ออปชั่นต่อไปคือเขาส่งไม้ต่อให้เรา

แล้วถ้าเกิดเราไปรวมกับก้าวไกลใหม่ แล้วเปลี่ยนตัวผู้นำรัฐบาลจากคุณพิธามาเป็นผม หรือแดนดิเดตคนอื่นก็ ได้ ผมมีก้าวไกลอยู่ แต่ก้าวไกลมีนโยบายที่สว. 250 เสียง กับพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่เอา คณิตศาสตร์พื้นฐานมันก็ไปไม่ได้ ผมไม่มีทางก้าวข้าม 376 เสียงไปได้ถ้ามีพรรคก้าวไกลอยู่ ผมมีคนอีก 10 ล้านเสียงที่อยากให้ผม เป็นรัฐบาล เพื่อนำนโยบายดีๆมาแก้ปัญหาปากท้อง ผมก็ต้องไปจับมือกับพรรคอื่น อย่าใช้คำว่าลุงแล้วกัน ผมอยากให้ลืมวาทกรรมไป”

เมื่อถามว่า คุณเศรษฐาก็ใช้คำว่าลุง ในช่วงก่อนเลือกตั้ง และหลายคนก็เลือกพรรคเพื่อไทยด้วยวาทกรรมนี้   นายเศรษฐากล่าวว่า ส่วนหนึ่ง ผมว่าก็ไม่ผิด แต่ว่าผมไปต่อไม่ได้ และมีออปชั่นไหนที่จะให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้บอกผมหน่อย ผมก็ต้องเลือก เพราะ 10 ล้านเสียงเลือกให้ผมมาเป็นรัฐบาล ยังไงผมก็ต้องเป็นรัฐบาล ผมจะเอาเสียงจากไหนมาก้าวข้าม 376 ได้ ในเมื่อ พรรคที่ได้อันดับหนึ่งมีนโยบาย ที่อีกหลายร้อยเสียงเขาไม่เห็นด้วย ถ้ามีพรรคนี้

เมื่อถามว่า ผิดคำสัญญา ถือว่าโกหกประชาชนหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ผมไม่ใช้คำว่าโกหก แต่ว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมา มันมีทางออกไหนหรือเปล่าล่ะ ถ้าเกิดมันมีก็บอกผมล่ะกันว่าออกทางไหนได้บ้าง คอย 9 เดือน ไม่ได้แน่นอน ที่มีข้อเสนอมา ประเทศชาติคอยไม่ได้(เสียงสูง) ไม่มีงบประมาณใช้ปีหน้า ขนาดทำตรงนี้งบประมาณที่ใช้ได้ก็เดือนเมษายน 2567 แล้ว แล้วพี่น้องหลายสิบล้านคนจะทำอย่างไร ใช่ไหมครับ

เรื่องค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน พักหนี้เกษตรกร จะทำอย่างไรครับ ถ้าจะบอกว่าผิดคำสัญญา หรืออะไรก็ตามที คณิตศาสตร์ที่ออกมามันชี้นำให้ต้องเป็นอย่างนี้ ใช่ไหมครับ ให้เรานำนโยบายดีๆมาให้กับพี่น้องประชาชน มันจะเป็นการทำให้หลายคน สบายใจขึ้นหรือเปล่าผมไม่ทราบ แต่หน้าที่ผมก้าวมาตรงนี้ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผมมีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชน ที่สุดความสามารถที่จะทำได้

เมื่อถามว่า ก็ต้องยอมรับเรื่องการตัดสินใจครั้งนี้ ทำให้ต้นทุนพรรคเพื่อไทยลดลงอย่างมากเห็นกระแสประชาชนมาเรียกร้อง ทำแบบนี้ทำไมไม่บอกแต่แรก เพื่อนร่วมทางก็เดินออกไปหลายคน นายเศรษฐากล่าวว่า เราต้องเรียกศรัทธากลับมา จากการทำงานของเรา เราต้องทำงานหนัก ลืมความเหน็ดเหนื่อย ดูให้ดีเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต เข็นนโยบายดีๆออกมาให้เร็วที่สุด บำบัดทุกช์ บำรุงสุข ผมว่าเป็นทางเดียวที่ทำได้ แล้วดูซิว่าจะเรียกศรัทธาคืนมาได้หรือไม่

ผมใช้คำว่าเทหมดหน้าตักที่มาทำงานตรงนี้ พรรคร่วมรัฐบาลก็รู้ว่ากระแสสังคมเป็นอย่างไร ไม่ใช่แค่พรรคเพื่อไทยพรรคเดียว ดูจากสีหน้ารัฐมนตรีที่เข้ามาก็รู้ มองตากันก็รู้ว่า เรื่องเข็นนโยบายดีๆออกมา ตรงใจพี่น้องประชาชน เป็นเรื่องสำคัญ