

“เศรษฐา”ฝันอยากเห็นจีดีพีโตมากกว่าปัจจุบัน ตั้งเป้าเฉลี่ยโตปีละ5% ลงพื้นที่พบชาวนา มุ่งเพิ่มรายได้สุทธิ ส่ายหัวไม่เอาจำนำ-ประกันราคา ชี้บิดเบือนราคาตลาดโลก
- หากประชาชนมีผลผลิตสูงขึ้น รายจ่ายน้อยลง
- เงินเข้ากระเป๋าเป็นสุทธิของประชาชนก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
- ผลักดันค่าแรงขั้นต่ำที่เป็นธรรมและโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทวีตข้อความระบุว่า 4 ปีต่อจากนี้ของการเป็นรัฐบาล เราอยากเห็นจีดีพีเจริญเติบโตที่มากกว่าในปัจจุบัน เราจึงตั้งเป้าให้ค่าเฉลี่ยจีดีพีเติบโตที่ 5% ต่อปี เพื่อนำไปสู่ความสามารถในการผลักดันค่าแรงขั้นต่ำที่เป็นธรรม และโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจ
สำหรับในภาคการเกษตร รัฐบาลมุ่งเน้นเพิ่มรายได้สุทธิให้กับพี่น้องประชาชน เพราะหากประชาชนผลผลิตสูงขึ้น รายจ่ายน้อยลง เงินเข้ากระเป๋าเป็นสุทธิของประชาชนก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
ขอบคุณพี่น้องชาวขอนแก่นที่มาต้อนรับคณะของผมในวันนี้ด้วยครับ ผมจะนำเอาความรัก รอยยิ้ม และความคาดหวังของพี่น้องประชาชนที่ส่งมาถึง เป็นแรงผลักดันในการทำงานหนักเพื่อทุกคนต่อไปครับ

ในวันนี้(8ก.ย.)นายเศรษฐา ได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาภัยแล้งและปัญหาทางด้านการเกษตรจากพี่น้องประชาชน ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น อุดรธานีและหนองคาย ได้แวะพูดคุยกับนายอุดร พื้นทอง อายุ 65 ปี ชาวบ้านกุดเชียงมี อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่นซึ่งอยู่ระหว่างการตัดหญ้าและหว่านปุ๋ยในนาข้าว
โดยนายกรัฐมนตรีได้สอบถามนายอุดร ถึงการทำนาโดยทั่วไป การตรวจสอบดินและการใช้ปุ๋ยในการทำนาปลูกข้าว ซึ่งนายอุดร ได้แจ้งถึงปัญหาราคาปุ๋ยที่อยู่ในระดับที่สูง รวมไปถึงราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับที่สูง ทำให้ต้องลงทุนสูงไปด้วย ตอนนี้ลำบากมาก เพราะทำนาแล้วขาดทุน เพราะราคาข้าวตกต่ำ เลี้ยงโคก็ขาดทุน ไม่สามารถขายได้ ส่วนเรื่องน้ำก็แล้ง ทั้งๆที่ปีที่แล้วพื้นที่ในส่วนนี้น้ำท่วมสูง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการเปิดตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น อีกทั้งยังมีแนวคิดที่จะเพิ่มผลผลิตข้าวต่อไร่ ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
สำหรับเรื่องการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น ซึ่งจะเป็นหนทางเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรทางหนึ่ง อาจต้องดูเรื่องเกษตรแม่นยำ ที่จะต้องมีการทดสอบดินก่อนว่ามีอะไรแล้วขาดอะไร ซึ่งแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ หากมีการให้ความรู้เกษตรกร และมีความแม่นยำเกิดขึ้น การใช้ปุ๋ยอาจจะลดน้อยลง ซึ่งจะทำให้รายจ่ายลดลง รายได้สุทธิก็จะสูงขึ้น ซึ่งส่วนนี้เป็นเรื่องที่เน้นย้ำมาตลอด

โดย นายกรัฐมนตรีได้พูดกับ นายอุดร ด้วยว่า “ขอรอก่อน เดี๋ยวเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทกำลังจะมา อีกทั้งยังมีนโยบายเกี่ยวกับการพักชำระหนี้เกษตรกร และนโยบายเกี่ยวกับการลดค่าน้ำมัน ค่าไฟ ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวโน้มในการดำเนินโครงการประกันราคาสินค้าเกษตร นายกรัฐมนตรี ตอบว่าได้บอกแล้วว่า ทั้งการประกัน จำนำและจ้างผลิต ไม่ได้อยู่ในนโยบายของรัฐบาลนี้ เพราะการบิดเบือนราคาตลาดโลก อาจไม่เหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องวินัยการเงินการคลัง แต่เราเน้นที่การเพิ่มรายได้สุทธิของพี่น้องประชาชน หากรายได้น้อยแต่ผลผลิตสูง รายจ่ายต่ำ เงินเข้ากระเป๋าสุทธิของพี่น้องประชาชนก็จะสูงขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องไปจำนำหรือประกัน ที่บิดเบือนราคาตลาดโลก โดยเรามุ่งไปที่การเพิ่มรายได้สุทธิของพี่น้องเกษตรกรทั้งหมดทุกประเภท
