วิทยุการบินฯลุยวางระบบจราจรทางอากาศสำรองรับการบินโต



วิทยุการบินฯ เตรียมวางระบบ Backup จราจรทางอากาศสำรอง เสริมความปลอดภัยทั่วประเทศ พร้อมเดินหน้าสร้างหอควบคุมการจราจรทางอากาศอู่ตะเภา และสร้างเส้นทางบินใหม่ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน เพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยทางการบิน อีกทั้งเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ

นายณพศิษฎ์ จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) เปิดเผยว่า วิทยุการบินฯ เตรียมวางระบบการบริหารจัดการจราจรทางอากาศใหม่ ตั้งแต่ช่วง ปี 67 – 72 เพื่อรองรับปริมาณเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการวางระบบจะประกอบด้วย 2 ส่วน คือ 1. การวางระบบบริหารจราจรทางอากาศสำรอง (Off-site Backup) ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO และ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) ที่กำหนดให้หน่วยให้บริการจราจรทางอากาศของประเทศไทยต้องมีแผนรับภาวะฉุกเฉินด้านบริการจราจรทางอากาศ เพื่อให้บริการได้อย่างต่อเนื่องด้วยความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ แม้ในเวลาที่มีภัยคุกคาม ,ภาวะวิกฤติ โดยอยู่ระหว่างการสำรวจสถานที่ ศึกษาเทคนิค ประมาณการงบประมาณ

ทั้งนี้ มีแผนการดำเนินงานออกแบบในปีงบประมาณ 67 และกำหนดเปิดใช้งานได้ในปี 72 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะรองรับเที่ยวบินได้มากกว่า 1.5 ล้านเที่ยวบินต่อปี และ 2.การก่อสร้างหอควบคุมการจราจรทางอากาศอู่ตะเภา วงเงินประมาณ 1,200 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 70 หรือต้นปี 71 รองรับผู้โดยสารในเบื้องต้นได้ 2 ล้านคนต่อปี และเพิ่มเป็น 50 ล้านคนต่อปี ภายในปี 80

นอกจากนี้ วิทยุการบินฯ อยู่ระหว่างหารือร่วมกัน 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย จีน และลาว เรื่องการสร้างเส้นทางบินใหม่จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านน่านฟ้าสาธารณรัฐประชาชนลาว เข้าน่านฟ้าไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างวิทยุการบินฯ กับสำนักบริหารการจราจรทางอากาศ  สำนักงานการบินพลเรือนแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ ATMB CAAC และหน่วยงานผู้ให้บริการเดินอากาศแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ LANS เป็นการขยายการรองรับปริมาณการบินบนน่านฟ้า ตามแผนที่จะนำเสนอที่ประชุมองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO เนื่องจากแนวโน้มการบินในเส้นทางดังกล่าว มีการเดินทางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากเดิมสามารถรองรับเที่ยวบินในเส้นทางนี้ 150,000 – 200,000 เที่ยวบินต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 250,000 – 3 00,000 เที่ยวบินต่อปี ในอีกไม่นานนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประเทศไทย และสนับสนุนให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป