

11 ส.ค.นี้ อคส.เตรียมนำข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลล็อตสุดท้าย มาเปิดประมูลใหม่ และส่งมอบให้แล้วเสร็จภายในเดือนก.ย.นี้
- ผู้ซื้อไม่มาขนข้าวออกจากโกดัง 1.5 หมื่นตัน
- อคส.เดินหน้าเปิดประมูลใหม่ 11 ส.ค.นี้
- พร้อมฟ้องเจ้าของโกดังยึดหน่วงไม่ปล่อยข้าว
นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า วันที่ 11 ส.ค.นี้ อคส.เตรียมนำข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลล็อตสุดท้าย ที่เปิดประมูลไปแล้วเมื่อเดือนก.ย.65 รวม 230,705.71 ตัน แต่ผู้ชนะประมูลไม่มารับมอบ หรือขนข้าวออกจากโกดัง 15,013.25 ตันหลังจากเกินกำหนดระยะเวลารับมอบ ซึ่งอคส.ได้บอกเลิกสัญญา และเรียกค่าเสียจากผู้ชนะประมูลแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฎหมาย โดยอคส.จะนำมาเปิดประมูลใหม่ และส่งมอบให้แล้วเสร็จภายในเดือนก.ย.นี้
ทั้งนี้ เมื่อเดือนก.ย.65 อคส.ได้เปิดประมูลข้าวสารในสต๊อกจากโครงการรับจำนำล็อตสุดท้ายรวม 230,705.71 ตัน ซึ่งเป็นข้าวในคลังกลาง นอกคลังกลาง และนอกบัญชี (โครงการปี 48/49) โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ข้าวสารเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 55, นาปีปี 55/56 และปี 56/57 มีทั้งข้าวเหนียว 10% ข้าวขาว 5% ข้าวขาว 10% ปลายข้าวขาว เอวัน เลิศ 2.ข้าวสารที่ขายเป็นการทั่วไป เป็นข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ปี 55/56 และ 3.ข้าวสารที่โกดังและคลังสินค้าค้างส่งมอบเข้าโกดังกลาง เป็นข้าวหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมมะลิ และปลายข้าวขาว เอวัน เลิศ ปี 48/49 และปี 54/55
โดยหลังจากเปิดประมูลแล้ว มีผู้เสนอซื้อครบทั้งหมด และได้ราคาดี โดยขายได้ราคาเกือบ 1,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้ กลับพบปัญหา ผู้ชนะประมูลไม่มารับมอบข้าวออกจากโกดัง ยังเหลืออีก 55,362.42 ตัน คิดเป็น 24% ของปริมาณข้าวที่ประมูลได้ แบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 ผู้ชนะประมูลไม่มารับมอบ รวม 15,013.25 ตัน ซึ่งอคส.ได้บอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหายจากผู้ซื้อ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฎหมาย โดยข้าวจำนวนนี้ อคส.จะนำมาประมูลใหม่วันที่ 11 ส.ค.นี้ และส่งมอบให้แล้วเสร็จภายในเดือนก.ย.นี้
ส่วนกลุ่มที่ 2 รอการชดใช้จากบริษัทประกันภัย 19,076.75 ตัน เพราะข้าวเกิดความเสียหาย เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ ซึ่งล่าสุดบริษัทประกันภัยได้ออกใบเคลมให้ครบหมดแล้ว อยู่ระหว่างการชำระเงินและส่งมอบให้เสร็จสิ้นภายในเดือนก.ย.นี้ และกลุ่มที่ 3 เจ้าของคลังยึดหน่วง ไม่ปล่อยข้าวให้ผู้ชนะประมูล 21,272.42 ตัน เก็บอยู่ในคลัง 2 หลัง อคส. จะดำเนินการทางกฎหมายเพื่อเรียกค่าเสียหาย และขออำนาจศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพื่อนำข้าวมาส่งมอบให้ผู้ซื้อต่อไป โดยเร็วๆ นี้ อัยการจะสรุปสำนวนฟ้อง 1 หลัง จำนวน 4,679.04 ตัน ส่วนอีก 1 หลังยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ

“แม้ว่าการดำเนินการระบายข้าวให้หมด จะเป็นไปด้วยความลำบากและมีอุปสรรคอย่างมาก แต่ อคส. จะสะสางปัญหาเหล่านี้ให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายเดิมคือภายในเดือนก.ย.นี้ เพื่อปิดบัญชโครงการรับจำนำให้ได้ทั้งหมด และดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายให้เสร็จสิ้น มิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการมากไปกว่านี้”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากอคส.สามารถขายข้าวทั้งหมดได้ และผู้ชนะประมูลชำระค่าสินค้าหมดแล้ว จึงจะสามารถปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี และนาปรังปีการผลิตตั้งแต่ปี 51-57 ในส่วนความรับผิดชอบของอคส. เกิดการทุจริตในโครงการจากผู้เกี่ยวข้องจนทำให้รัฐเสียหายจำนวนมาก ซึ่งอคส.ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งหมด 1,179 คดี ทั้งแพ่งและอาญา เรียกค่าเสียหาย 503,809 ล้านบาท แต่ยังมีความเสียหายอื่นๆ อีก ทั้งผลขาดทุนจากการขายข้าวได้ในราคาต่ำกว่าราคาจำนำ ค่าบริหารจัดการอื่นๆ เช่น ค่าเช่าโกดัง ค่าบำรุงรักษา ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังความเสียหายจากการทุจริตในโครงการรับจำนำสินค้าอื่นๆ อีก ทั้งมันสำปะหลังปี 51-57 ที่อคส.ฟ้องร้องดำเนินคดี รวม 172 คดี ความเสียหาย 20,585 ล้านบาท, ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 51-57 ที่ฟ้องรวม 5 คดี ความเสียหายกว่า 1,449 ล้านบาท และสินค้าเกษตรอ่ืนตั้งแต่ปี 24 อีก 20 คดี ความเสียหายกว่า 204 ล้านบาท คาดว่า เมื่อรวมกันแล้วน่าจะทำให้รัฐเสียหายไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท