กกต.ประกาศรับรองส.ส.500คนไปก่อน รอสอยทีหลัง



  • รับหนังสือรับรองได้ตั้งแต่วันที่ 20-24 มิถุนายนนี้
  • หากมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่าได้รับเลือกตั้งมาโดยไม่สุจริต
  • กกต.จะยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อเพิกถอนสิทธิภายหลัง

วันที่ 19 มิถุนายน 2566 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมด้วย นายกิตติพงษ์ บริบูรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง และนางสาวสุรณี ผลทวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง แถลงข่าวประเด็น “การประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2566” ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งกกต.ให้การรับรองส.ส.จำนวน500คนไปก่อน

โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญผู้สมัคร ส.ส. ที่ได้รับการเลือกตั้ง รับหนังสือรับรองการได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ตั้งแต่วันที่ 20 – 24 มิถุนายน 2566 เวลา 08.30 – 16.30 น. ณ ห้องประชุม 201 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

นายแสวงกล่าวว่า ที่ประชุม กกต.ได้พิจารณาให้ประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต 400 เขต และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 100 คน รวม500 คน โดยผู้สมัคร ส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งสามารถรับหนังสือรับรองได้ตั้งแต่วันที่ 20-24 มิถุนายน 2566 เวลา 08.30 – 16.30 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ

ทั้งนี้ หลังจากได้ตรวจสอบรายงานจากความเห็นของผู้ตรวจการเลือกตั้งทั้ง 77 จังหวัด รายงานการตรวจสอบสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ได้รับเลือกตั้ง และตรวจสอบเรื่องร้องคัดค้านของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดและกรุงเทพมหานคร และเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส.ของกลุ่มภารกิจงานสืบสวนสอบสวน และวินิจฉัยแล้วในส่วนแบบแบ่งเขตเลือกตั้งมีว่าที่ ส.ส.กลุ่มที่ไม่มีเรื่องร้องเรียนจำนวน 318 คน ส่วนกลุ่ม ส.ส.ที่มีเรื่องร้องเรียน 82 คน

อย่างไรก็ตามกระบวนการสืบสวนสอบสวนผู้ถูกร้องเรียนอาจดำเนินการไม่แล้วเสร็จภายใน 60 วัน และ กกต.ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เนื่องจากขณะนี้มีการอ้างพยานหลักฐานเข้ามาเป็นจำนวนมากจึงให้ประกาศรับรองไปก่อน หมายความว่า หากมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่าได้รับเลือกตั้งมาโดยไม่สุจริต กกต.จะยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง

นายแสวงกล่าวว่า จำนวนคะแนนเสียงที่เป็นคะแนนดีนำมาคำนวณส.ส.แบบบัญชีรายชื่อมีทั้งสิ้น 31,522,698 คะแนน สัดส่วนคะแนนต่อ ส.ส. 1 คน คือ 375,226 คะแนน เมื่อคำนวณแล้วมีจำนวน 17 พรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งประกอบด้วย พรรคก้าวไกล 39 คน พรรคเพื่อไทย 29 คน พรรครวมไทยสร้างชาติ 13 คน พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน พรรคภูมิใจไทย 3 คน พรรคประชาชาติ 2 คน และพรรคละ 1 คน ประกอบด้วย พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคท้องที่ไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคเป็นธรรม พรรคพลังประชารัฐ พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคเสรีรวมไทย และพรรคใหม่

ส่วนข้อร้องเรียนเรื่องคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีนั้น นายแสวง กล่าวว่า อยู่ในการพิจารณาของสำนักงานฯ ต้องดูข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย และดูว่ามีการดำเนินการไปแล้วมากน้อยแค่ไหน ซึ่งขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ และ กกต.ไม่ได้สนใจว่าการพิจารณาจะมีขึ้นก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่