IATA ชี้ปี’66 การบินโลกฟื้นแล้ว รายได้พุ่งแตะ 8 แสนล้าน กำไรบวก 1.2% แนะแอร์ไลน์เฝ้าระวังความเสี่ยง 4 ปัจจัย



  • IATA ถกแนวโน้มปี’ 66 อุตสาหกรรมการบินฟื้นแล้วด้วย 5 สัญญาณดีรายได้กลับมาแตะ 8 แสนล้านดอลลาร เป็นครั้งแรก โต 9.7% ใกล้เคียงปี’62
  • แถมเริ่มทำกำไรรวม 9,800 ล้านดอลลาร์ บวกขึ้น 1.2% หลังโดนโควิดทำเงินสูญกว่า 1.8 แสนล้านดอลลาร์ แนะเฝ้าระวังความเสี่ยง” 4 ปัจจัย
  • เงินเฟ้อ สงครามจำกัดน่านฟ้า ขาดชิ้นส่วนผลิตเครื่องบิน/เครื่องยนต์ และระเบียบใหม่ลงโทษละเมิดสิทธิผู้โดยสารและการลดโลกร้อน

สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA : International Air Transport Association) ประกาศว่า ในการประชุมสมาชิกสายการบินนานาชาติที่กรุงอิสตัลบูล ประเทศตุรเคีย (ตุรกีเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2566 ที่ประชุมได้คาดการณ์ความสามารถของอุตสาหกรรมการบินโลกปี 2566 จะสามารถ “ทำกำไร” กลับมาแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วโดยมีสัญญาณแนวโน้มที่ดี 5 เรื่อง ได้แก่

เรื่องที่ 1 การกำไรสุทธิ จะสูงถึง 9,800 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตเพิ่มขึ้น 1.2 % ซึ่งมากกว่าคาดการณ์เดิมถึง 2 เท่าเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาประเมินไว้เพียง 4,700 ล้านเหรียญสหรัฐ

เรื่องที่ 2 กำไรจากการดำเนินงานการบินจะสูงถึง 22,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ดีขึ้นกว่าคาดการณ์เมื่อเดือนธันวาคม2565 ประเมินไว้เพียง 3,200 ล้านเหรียญสหรัฐ และมากกว่าถึง 2 เท่า จากการประเมินเมื่อปี 2565 ตอนนั้นระบุมีผลการดำเนินงานเพียง 10,100 ล้านเหรียญสหรัฐ

เรื่องที่ 3 รายรับ/รายได้รวมของทั้งอุตสาหกรรมการบินจะเติบโตเพิ่มขึ้น 9.7 % เมื่อเทียบปีต่อปี ขยับขึ้นเป็น803,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นครั้งแรกที่ทะยานแตะระดับ 800,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อีกครั้ง หลังจากปี 2562 เคยทำสถิติรายได้ไว้ 838,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนค่าใช้จ่ายยังเติบโตเป็นเงาตามตัวเช่นกันคาดจะเพิ่มขึ้นปีละ8.1%

เรื่องที่ 4 จะมีผู้โดยสารเดินทางเครื่องบินประมาณ 4,350 ล้านคน กลับมาใกล้เคียงกับปี 2562 ซึ่งเคยมีจำนวน4,540 ล้านคน

เรื่องที่ 5 ปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศ (Cargo) คาดจะทำได้ประมาณ 57.8 ล้านตัน ยังต่ำกว่าปี 2562 ทำไว้61.5 ล้านตัน เนื่องจากปริมาณการค้าระหว่างประเทศชะลอตัวลงอย่างมาก

นายวิลลี วอลช์ ผู้อำนวยการทั่วไป IATA กล่าวว่า ปี 2566 สายการบินมีผลประกอบการทางการเงินดีเกินความคาดหมาย โดยมีความสามารถทำกำไรอย่างแข็งแกร่งโดยได้รับการสนับสนุนพัฒนาเชิงบวกจากหลายอย่าง  โดยเฉพาะแรงหนุนสำคัญคือ “รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน” ประกาศเมื่อต้นปี 2566 ยกเลิกข้อจำกัดโควิด-19 ทำให้คนจีนเดินทางออกต่างประเทศได้อย่างอิสระมากขึ้น และถึงแม้ราคาขายตั๋วโดยสารเครื่องบินยังคงสูงกว่าก่อนเกิดโรคระบาด รวมทั้งต้นทุนราคาน้ำมันเครื่องบิน” ยังคงสูงอยู่แล้วช่วงครึ่งปีแรกค่อย  ปรับตัวลงตามลำดับ

สถานการณ์ตอนนี้ตอกย้ำถึงอุตสาหกรรมการบินโลกฟื้นตัวแล้วและกลับมาสามารถ “ทำกำไรสุทธิ” เพิ่มขึ้น 1.2% ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญ ประการที่ 1 เป็นการทำกำไรซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอย่างมาก ประการที่ 2 การบินต้องตกอยู่ในในประวัติศาสตร์การสูญเสียรายได้ลึกมากที่สุดตลอดโควิด-19 ระบาดระหว่างปี 2563-2565 ต้องสูญรายได้ไปมากถึง 183,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงเฉลี่ยมากกว่า 11.3 % นับเป็นช่วงที่เลวร้ายสุด  และถือเป็นยุคสิ้นสุดช่วงการทำกำไรครั้งประวัติศาสตร์ซทั้งที่ช่วงปี 2558-2562 เคยทำกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยปีละ 4.2%

กระทั่งปี 2566 ถึงแม้จะเกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจก็ไม่ได้ส่งผลให้ความปรารถนาในการเดินทางของผู้คนทั่วโลกจะลดลงไป ท่ามกลางสถานการณ์ “ราคาตั๋วโดยสารจะสูงขึ้นมาก” เพราะจะต้องดูดซับต้นทุนค่าน้ำมันที่สูงขึ้นและหลังจากสายการบินต้องขาดทุนอย่างหนักจากช่วงโควิด-19 ต่อเนื่องถึง 3 ปีเศษ เมื่อได้เห็นสัญญาณเติบโตใหม่อีกครั้งในปี 2566 จึงน่าจะเป็นโอกาสเฉลิมฉลองความสำเร็จในการกำไรสุทธิเติบโตเพิ่มขึ้น 1.2% แต่สายการบินยังคงแบกภาระเพราะทำรายได้เฉลี่ยจากผู้โดยสาร 1 คน ได้เพียง 2.25 เหรียญสหรัฐ ดังนั้นจึงต้องนำรายได้ไปปรับปรุงงบดุลการเงินที่เคยขาดทุนหรือเสียหายไปก่อนหน้านี้เป็นลำดับแรก ผนวกกับจะต้องสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนอย่างยั่งยืน เพราะหลายสายการบินนานาชาติยังต้องเผชิญกับท้าทายรออยู่ข้างหน้าอีกหลายอย่างด้วยกัน

โดยสรุปปี 2566 ความสามารถในการ “ทำรายได้” ของสายการบินทั่วโลก จากผู้โดยสารต่อกิโลเมตร (RPK) จะขยับสูงถึง 87.8% หลายตลาดต้องการเดินทางเพิ่มสูงขึ้นจึงทำให้อัตราผลตอบแทนแข็งแกร่ง คาดอาจจะลดลงเล็กน้อย 1.1 % เมื่อเทียบกับปี 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้น 9.8 % และปี 2564 ทำไว้ได้ 3.7%

ขณะที่ปี 2566 “อัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย” มีประสิทธิภาพอยู่ในระดับสูงทำได้ถึง 80.9 % แต่ยังต่ำกว่าปี2562 เล็กน้อย เคยทำสถิติไว้สูงสุดถึง 82.6%

IATA ระบุเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการสำรวจความคิดเห็นผู้โดยสารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 มีมุมมองเชิงบวกสนับสนุนความสำเร็จของอุตสาหกรรมการบินปี 2566 โดยมีผู้เดินทาง 41% ระบุพร้อมจะเดินทางทางเครื่องบินในอีก 12 เดือนข้างหน้าเพิ่มมากกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนอีก 49 % คาดจะเดินทางระดับเท่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้น 77% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุจะออกเดินทางมากหรือมากกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาดอย่างแน่นอน

สำหรับ “ต้นทุนน้ำมันเครื่องบิน” คาดปี 2566 จะเฉลี่ย 98.5 ดอลลาร์/บาร์เรล คิดเป็นเงินทั้งหมด 215,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ก็ยังถูกกว่าคาดการเดิมเมื่อธันวาคม 2565 ตั้งไว้ 111.9 เหรียญสหรัฐบาร์เรล และต่ำตลอดปี2565 คำนวณต้นทุนเฉลี่ยไว้ที่ 135.6 เหรียญสหรัฐ/บาเรล

ขณะเดียวกันการประเมิน “ความเสี่ยง” ในอุตสาหกรรมการบินปี 2566 ความสามารถในการทำกำไรยังคงเปราะบางและอาจได้รับผลกระทบ ทั้งเชิงบวกหรือลบหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรคำนึงถึง 4 ปัจจัย คือ

ปัจจัยที่ 1 มาตรการต่อสู้กับเงินเฟ้อ  ในแต่ละตลาดจะแตกต่างกัน ซึ่งทางธนาคารกลางสหรัฐกำลังปรับเทียบระดับอัตราดอกเบี้ยที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันอัตราเงินเฟ้อ ต้องหลีกเลี่ยงเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย การปรับขึ้นดอกเบี้ยสามารถกระตุ้นตลาดช่วงปลายปีให้มีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงเศรษฐกิจจะถดถอยซึ่งอาจจะนำไปสู่การสูญเสียทางธุรกิจและแนวโน้มอุตสาหกรรมอาจเปลี่ยนไปในเชิงลบก็เป็นได้

ปัจจัยที่ 2 สงครามในยูเครน  ไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการทำกำไรของสายการบินส่วนใหญ่ แต่ถ้าทำให้ปัจจุบันมีสันติภาพอาจนำมาซึ่งศักยภาพการลดต้นทุนราคาน้ำมันให้ลงอีกก็เป็นได้ รวมทั้งการยกเลิกหรือผ่อนคลายข้อจำกัดเหนือน่านฟ้าลงก็จะส่งผลดีมากกว่าตอนนี้อย่างแน่นอน ถ้าไปเพิ่มขึ้นเงื่อนไขอาจมีผลลบต่อการบินทั่วโลกและความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์จะขยายวงกว้างขึ้น เพราะต้องถ่วงดุลการค้าระหว่างประเทศ ทุกความเสี่ยงด้านลบย่อมส่งผลถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมการบินแทบทั้งสิ้น   

ปัจจัยที่ 3 ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ยังคงส่งผลกระทบต่อการค้าและธุรกิจทั่วโลก ห่วงโซ่อุปทานกำลังเปลี่ยนไปเพื่อเติมเต็มให้เกิดความยืดหยุ่น และความท้าทายช่วงโควิด-19 สายการบินได้รับผลกระทบโดยตรงจากห่วงโซ่อุปทานคือเรื่องชิ้นส่วนเครื่องบิน ซึ่งผู้ผลิตเครื่องบินและเครื่องยนต์ไม่สามารถแก้ไขได้ กรณีดังกล่าวกระทบถึงการส่งมอบเครื่องบินใหม่และความสามารถของสายการบินในการบำรุงรักษาและปรับใช้ฝูงบินที่มีอยู่ปัจจุบัน 

ปัจจัยที่ 4 ภาระค่าใช้จ่ายด้านกฎระเบียบ  มีความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นจากหน่วยงานกำกับดูแลต้องแทรกแซงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมการบินอาจเผชิญกับ “ต้นทุนสูงขึ้น” ในการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสิทธิของผู้โดยสารหรือ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้เพิ่มบทลงโทษมากขึ้น และการริเริ่มด้านสิ่งแวดล้อมในระดับภูมิภาคทั่วโลกด้วย  

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน#gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen