ส.โรงแรมไทย คาดครึ่งหลังปี’66 ธุรกิจทั่วไทยยอดพักพุ่ง 70% แบกต้นทุนอ่วมค่าจ้างค่าไฟ 45%-ฝากรัฐบาลใหม่ช่วยด่วน



  • สมาคมโรงแรมไทยคาดครึ่งหลังปี’66ธุรกิจห้องพักทั่วไทยรายได้คึกคักดันยอเข้าพักเข้าเป้า70%ท่ามกลาง2ปัจจัยลบมลพิษPM2.5”กับค่าไฟ
  • โอดแบกต้นทุนอ่วมค่าจ้างคนบวกค่าไฟรวม45%ถกหอการค้าไทยกกร.หาวิธีฝากรัฐบาลใหม่เร่งทำวาระแห่งชาติช่วยด่วน
  • รุกผนึก2พันธมิตร“booking.comผู้นำตลาดOTAและTour Linkยุโรปดันโรงแรมไทยก้าวข้ามโลว์คาร์บอนสู่ยั่งยืน

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) เปิดเผยว่า ปี 2566 ทางสมาคมโรงแรมไทยได้ประเมินสถานการณ์ธุรกิจครึ่งปีหลังจะมีนักท่องเที่ยวดีกว่าครึ่งปีแรกโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนและรายได้ทำให้โรงแรมทั่วประเทศทำยอดเข้าพักเฉลี่ยเป็นไปตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 70 % ของปีปกติ2562 สอดคล้องกับ 4 เดือนแรกปีนี้ มียอดพักเฉลี่ยแล้วกว่า 65 % ส่วนการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวหลักใน “กรุงเทพฯ” รายได้และการเข้าพักค่อนข้างดี “ภาคเหนือ” โรงแรมระดับ 3-4 ดาว มีรายได้ดีกว่าระดับ 5 ดาว ส่วนตัวแปรเรื่องมลพิษฝุ่น PM 2.5 ส่วน “ภาคใต้” หัวหิน กับภูเก็ต ตลอดเดือนท่องเที่ยวสงกรานต์ยอดจองที่พักหนาแน่นมาก แต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไปอาจลดลงเพราะชาวต่างชาติทยอยเดินทางกลับประเทศกันแล้ว

ขณะนี้มีตัวแปรพิเศษ 2 เรื่องใหญ่ ได้แก่ เรื่องที่ 1 มลพิษฝุ่น PM 2.5 เมื่อปีทีผ่านมาทางสมาคมเคยเข้าพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ แล้วก็คงต้องให้เป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 เรื่องที่ 2 ค่าพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่สุดเพราะตั้งแต่ปี 2565 ต้นทุนค่าไฟฟ้าของโรงแรมทั่วประเทศเพิ่มสูงขึ้นกว่า 20 % ทางผู้ประกอบการเองพยายามแก้ไขด้วยวิธี “ลงทุนเครื่องจักรใหม่” เช่น แอร์ปรับอากาศหันมาใช้พลังงานหมุนเวียน ประหยัดไฟฟ้า แต่ศักยภาพการเข้าถึงแหล่งเงินทุน” ของแต่ละโรงแรมไม่เท่ากัน แล้วก็เร่งเจรจากับธนาคารซึ่งเปิดโครงการ Green Loan ปล่อยสินเชื่อการลงทุนกับผู้ที่ต้องการจะลงทุนทำธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมปัจจุบันและอนาคตต่อไป

ตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 เป็นต้นมา โรงแรมทั่วประเทศได้รับผลกระทบจากต้นทุนสูงขึ้นรอบด้าน ไม่เฉพาะค่าไฟฟ้ายังมีค่าก๊าซหุงต้มด้วย ตามปกติค่าไฟฟ้าของแต่ละโรงแรมเคยบริหารจัดการให้อยู่ในสัดส่วนต้นทุนประมาณ 4 % แต่ตอนนี้ขยับขึ้นมาแตะ 10 % แล้ว แล้วยังมีค่าใช้จ่ายการจ้างบุคลากรบริการทั้งเงินเดือนบวกกับสวัสดิการประมาณ35 % ค่าต้นทุนโรงแรมเฉพาะ 2 ส่วน เฉลี่ยประมาณ 45 % ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งสูงมากพอสมควร

นางมาริสากล่าวว่า ช่วงแรก  สมาคมโรงแรมไทยใช้ความพยายามทำจดหมายถึงคณะกรรมการพลังงานที่ดูแลด้านค่าไฟฟ้า เนื่องจากเป็นธุรกิจที่อยู่ในหมวด 5 แล้วที่ผ่านมาก็ได้รับการยกเว้นค่า Minimum Charge บ้าง แต่จะไม่ได้รับการพิจารณาพิเศษ เพราะรัฐยกเว้นให้เหมือนกันทั้งภาคธุรกิจและประชาชน ล่าสุดจึงเปลี่ยนไปใช้ช่องทางใหม่หันไปพึงสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กับคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน ธุรกิจก็ได้รับการลดหย่อนบางส่วนประมาณ 5-6 เดือน พร้อมทั้งได้รับการยืนยันประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นข้อเปรียบเทียบระหว่างไทยสูงกว่าเวียดนามมาก มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนด้วย เป็นโจทย์ของรัฐบาลชุดหน้าที่จะนำมาใช้ในการหาเสียง และอาจเป็น Top Agenda ด้วยเช่นกัน

นายกสมาคมโรงแรมไทยกล่าวว่าปัจจุบันยังได้ทำภารกิจคู่ขนานเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการที่จะตอบโจทย์เทรนด์ตลาดโลกเรื่องการลดคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ให้สอดคล้องตามเป้าหมายนานาชาติโดยสมาคมโรงแรมไทยได้ใช้มูลนิธิใบไม้เขียวร่วมกับ2พันธมิตรประกอบด้วย1.จับมือbooking.comกำลังทำโครงการโรงแรมสีเขียวบนแพลตฟอร์มเพื่อให้ความรู้กับโรงแรมต่างทำแผนงานเชิงลึกทั้งลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์2.ร่วมกับTour Linkซึ่งเป็นโครงการของสหภาพยุโรปทำแบบครบวงจรกับSupply Chain Green Tourismทั้งหมดไม่ว่าโรงแรมที่พักมัคคุเทศก์บริษัทจัดนำเที่ยวรถท่องเที่ยวและอื่นที่เกี่ยวข้องมีทั้งการให้องค์ความรู้มาตรฐานธุรกิจสีเขียวการฝึกอบรมบุคลากรและอื่น

จากประสบการณ์ส่วนตัวเคยทำโครงการด้านสิ่งแวดล้อมให้สมาคมโรงแรมไทยมานาน ตอนนี้จึงเห็นช่องทางการขายที่พักอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะช่วยทำให้ผู้ใช้ได้พบเจอกับผู้ให้บริการแล้ว โดยมี OTA : Online Tourism Agent เป็นเครือข่ายออนไลน์จองห้องพักและนำเที่ยวต่าง  เข้ามาเป็นตัวเชื่อมการขายในระบบ รวมทั้งมีเทรนด์และกระแสจากบริษัทจัดนำเที่ยว และโดยเฉพาะบริษัทจัดงานไมซ์ซึ่งมีความเข้มแข็งมากเรื่องการจัดงานให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ดังนั้นตั้งแต่ปี 2566 สมาคมโรงแรมไทยจะนำสมาชิกก้าวข้ามจากการทำเพียงแค่ Low Carbon ซึ่งเป็นเพียงลดการปล่อยคาร์บอน ลดการใช้พลังงาน ตอนนี้จะมองข้ามช็อตสู่อนาคตไปถึงการสร้างธุรกิจโรงแรมสู่ “ความยั่งยืน -Sustainable” โดยเชิญชวนให้มีเครือข่ายชุมชนเข้ามาเกี่ยวข้องร่วมทำกันเป็นทีมอย่างเข้มแข็งไปด้วยกัน

นางมาริสากล่าวว่าขณะนี้สมาชิกโรงแรมในไทยมีเพียง 600-700 โรงแรม ที่ได้การรับรองจากมูลนิธิใบไม้เขียวGreen Hotels , Green Leaf จึงจะต้องเดินหน้ารณรงค์ธุรกิจห้องพักหันมาเข้ามาร่วมปฏิบัติตามมมาตรฐานโรงแรมสีเขียว ปี 2566 ได้ผนวกเพิ่มใช้ตัวชี้วัดค่าการคำนวณปล่อยคาร์บอนตามมาตรฐานไทยด้วย โดยไม่นับโรงแรมเชนซึ่งจะมีรายละเอียดแยกออกไปโดยมีมาตรฐานของเชนเฉพาะอยู่แล้ว

ขณะเดียวกันทางโรงแรมไทยยังได้จับมือกับทางสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA) ร่วมกับพันธมิตรต่าง  โดยเฉพาะเครือข่ายเกษตรกรผู้ผลิตวัตถุดิบอินทรีย์ด้านอาหารและอื่น  เริ่มจากการซื้อข้าวอินทรีย์จากมูลนิธิสังคมสุขใจในโครงการ สามพราน โมเดล และ TOCA ซึ่งเป็นองค์กรบุกเบิกจัดงานแฟร์ขึ้น เกี่ยวกับสินค้าอินทรีย์หมวดอาหารผลิตภัณฑ์ของใช้ ทำให้โรงแรมมีช่องทางเข้าถึงวัตถุดิบดังกล่าวได้มากขึ้น แต่ภาคธุรกิจยังคงเป็นความท้าทายที่จะสร้างมาตรฐานธุรกิจสีเขียวแบบครบทั้งวงจรเพื่อก้าวสู่ความยั่งยืนให้เข้มข้นมากขึ้นต่อไปในอนาคตนั่นเอง

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน#gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen