ดาวโจนส์ลดลงกว่า 80 จุด กังวลผลประกอบการแบงก์ออกมาไม่ดี



.นักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของมอร์แกน สแตนลีย์ ต่ำกว่าคาด

.ตลาดหุ้นยังคงกังวลเศรษฐกิจถดถอย-เฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง

.ตลาดจับตาจับตาการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book คืนนี้

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,894.79 จุด ลดลง 81.84 จุด หรือ -0.24% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 12,116.15 จุด ลดลง 37.27 จุด หรือ -0.31%


ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,147.86 จุด ลดลง 7.01 จุด หรือ -0.17%
ผลประกอบการของมอร์แกน สแตนลีย์ที่ออกมาต่ำกว่าคาด และหุ้นกลุ่มพลังงานที่ลดลง ตามการร่วงลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก กดดันดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้ลดลง นอกจากนั้น ตลาดยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
นักลงทุนจับตาผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยออกมา โดยข้อมูลจาก Refinitiv IBES ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จะรายงานตัวเลขกำไรลดลง 5.2% ในไตรมาส 1/2566 หลังจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 1.4% ในไตรมาสดังกล่าว
ราคาหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ร่วงลง หลังเปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้ที่ลดลงในไตรมาส 1/2566 โดยได้รับผลกระทบจากภาวะซบเซาของธุรกิจวาณิชธนกิจ นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ


FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 88.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 11.3% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%


ทั้งนี้ นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขาคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ก่อนที่จะพักการดำเนินการด้านดอกเบี้ยเพื่อพิจารณาถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการที่เฟดใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน อย่างไรก็ดี นายบอสติกกล่าวว่า เฟดจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ระดับ 2% ของเฟด แม้เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายระบุเตือนในการประชุมเดือนมี.ค.ว่าสหรัฐอาจเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้


นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากเฟดในคืนนี้เวลา 01.00 น.ตามเวลาไทย เพื่อติดตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ หลังเผชิญวิกฤตภาคธนาคารในช่วงที่ผ่านมา ตลาดยังจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันที่ 28 เม.ย. โดยดัชนีดังกล่าวเป็นข้อมูลเงินเฟ้อสำคัญตัวสุดท้ายก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 2-3 พ.ค.