

- ดำเนินการโดยนิติบุคคลไทย-กรรมการเป็นคนไทย
- ทำธุรกิจทุกประเภทในไทยได้เหมือนคนไทยทั่วไป
- ส่วนตรวจนอมินีย่านเยาวราช-ห้วยขวางกำลังเร่งมือ
นายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้นำเข้าสินค้าจากจีนยื่นขอให้ตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของโครงการซามาเนีย พลาซ่า ศูนย์ค้าปลีกค้าส่งและกระจายสินค้าจีนราคาถูกในไทย อาจไม่ชอบตามกฎหมาย อาจกระทบธุรกิจไทย และยังเป็นปรากฏการณ์ถล่มตลาดสินค้าไทยจากผลของนโยบายรัฐบาลในการดึงดูดการลงทุน e-commerce จากจีนว่า จากการตรวจสอบของกรม พบว่า ธุรกิจในเครือข่ายซามาเนีย มีการจดทะเบียนนิติบุคคล 3 บริษัท คือ ซามาเนีย บางนา 02 จำกัด, บริษัท ซามาเนีย บางนา จำกัดและบริษัท ซามาเนีย โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งทั้ง 3 บริษัทมีสถานะเป็นนิติบุคคลไทย โดยมีนายเฉือก ฟ้ง อ้อเป็นกรรมการ ซึ่งบุคคลดังกล่าวเป็นคนไทย มีบัตรประชาชนไทย และมีมารดาเป็นคนไทย ส่วนผู้ถือหุ้นของนิติบุคคล3 ราย มีสัญชาติไทย ดังนั้น บริษัททั้ง 3 รายดังกล่าว จึงไม่มีสถานะเป็นคนต่างด้าวตามพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542
“เมื่อมีสถานะเป็นนิติบุคคลไทย เป็นบริษัทคนไทย ก็สามารถทำธุรกิจในประเทศไทยได้ทุกอย่างเหมือนคนไทยคนอื่นไม่ได้มีข้อจำกัดอะไร ไม่ต้องขออนุญาตเหมือนคนต่างด้าว ที่จะเข้ามาทำธุรกิจในบัญชีแนบท้าย 3 ของพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จะต้องยื่นขออนุญาตจากคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวก่อน ส่วนกรณีที่ภาคธุรกิจเกรงกว่า อาจนำเข้าสินค้าจากจีนที่ตีตลาดสินค้าไทย ก็เป็นเรื่องของกฎหมายฉบับอื่น ที่จะพิจารณาดำเนินการ”
สำหรับการพิจารณาอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย กรมในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ยืนยันว่า การพิจารณาอนุญาต จะคำนึงถึงผลดีและผลเสียต่อความมั่นคงของประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ การจ้างงาน การถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งที่ผ่านมา ธุรกิจที่อนุญาตจะเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ นโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐและสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ รวมถึงยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
ขณะเดียวกัน การอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทยนั้น จะพิจารณาผลดี ผลเสียของธุรกิจที่นักลงทุนจะเข้ามาประกอบกิจการที่มีต่อประเทศโดยรวมเป็นสำคัญ และไม่เลือกปฏิบัติว่าเป็นนักลงทุนจากประเทศใดรวมถึงผู้ประกอบการไทยต้องได้รับประโยชน์ด้วยเช่นกัน ไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้ชาติหนึ่งชาติใดเป็นพิเศษ นักลงทุนจากทุกประเทศต้องปฏิบัติตามกฎหมายและเงื่อนไขการลงทุนที่กำหนดไว้ สำหรับปี 65 ประเทศที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ สหรัฐฯ ฮ่องกง และจีน
นายจิตกร กล่าวต่อถึงความคืบหน้าการตรวจสอบนอมินี (คนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อเลี่ยงดำเนินการตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว) ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น ร้านอาหาร ในย่านเยาวราช และห้วยขวางว่า ขณะนี้ ได้ตรวจสอบไปหลายรายแล้ว รายที่ต้องสงสัย ก็ให้ส่งข้อมูลมาชี้แจงเพิ่มเติม แต่ถ้าการตรวจสอบไม่อยู่ในอำนาจของกรม ก็จะส่งเรื่องต่อให้หน่วยงานพันธมิตร เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบเชิงลึกต่อไป