

- กวาดบันไดอ้างมาทำความสะอาดปัดกวาดโครงการที่ทุจริต พร้อมยื่นหนังสือเรียกร้องให้ตรวจสอบ ใน 5 ประเด็นหลัก
- พร้อมมอบดอกไม้ให้ “อธิรัฐ” ด้านนายอธิรัฐ พร้อมรับไม้ต่อนั่งแท่น “รักษาการ รมว.คมนาคม” ฟิตจัดวันหยุดเรียกประชุมด่วนผู้เกี่ยวข้องรถไฟฟ้าสายสีส้ม
- พร้อมสั่งชะลอลงนามรถไฟฟ้าสายสีส้ม เรียกหัวหน้าหน่วยงานในสังคมนาคมทั้งหมด มาอัพเดตโครงการค้างท่อ เร่งเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ส.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงคมนาคมว่า วันนี้ (7 มี.ค.66) เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เดินทางมายังกระทรวงคมนาคมเพื่อยื่นหนังสือและมอบดอกไม้ให้ที่มีข้อความว่า “ปราบโกง” มาให้กำลังใจต่อ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ในฐานะปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งแทน รมว.คมนาคม เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอพฤติกรรมบิ๊กคมนาคมใน 5 ประเด็นหลัก ซึ่งประกอบด้วย 1.ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและหยุดการประมูลในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม 2. ตรวจสอบห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญ เข้าข่ายฮั้วประมูล และแต่งตั้งนอมินีรับงานกระทรวงคมนาคม

3 .ตรวจสอบนางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีพฤติกรรมใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขต และมีการสั่งการให้ กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท เร่งรัดเซ็นสัญญาในโครงการ และ 4. ให้ตรวจสอบ นายนิรุฒ มณีพันธ์ุ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ละเว้นปฎิบัติหน้าที่เลือกปฎิบัติ กรณีที่ดินเขากระโดง และ5.ให้ตรวจสอบ นายภคพงศ์ ศิริกันทมาศ ที่มีพฤติกรรมชู้สาวกับลูกน้องใน รฟม. ซึ่งนอกจากนายชูวิทย์ มายื่นหนังสือแล้ว เมื่อมาถึงกระทรวงคมนาคมได้นำไม้ขนไก่ไปปัดกวาดป้ายกระทรวงคมนาคม และ นำไม้กวาดมากวาดบันไดกระทรวงคมนาคม โดยอ้างว่าเพื่อปัดกวาดโครงการทุจริต
โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า วันนี้ที่มากระทรวงคมนาคมเพื่อมาแสดงสัญญลักษณ์ทำความสะอาดกระทรวง และที่มายื่นหนังสือต่อนายอธิรัฐ เพราะไว้ใจ เนื่องจากเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่มีไฟ อย่ามองว่านายอธิรัฐเป็นกระดูกอ่อน คนนี้หละคนใจแข็ง ส่วนการตรวจสอบตนจะขอเอกสารชี้แจงกลับภายใน 15 วัน ที่มาขอให้ช่วยปัดกวาดกระทรวงคมนาคมเพราะมีการฮั้วประมูล และมีการโยกย้ายข้าราชการโดยมิชอบ และมีการทุจริตอีกหลายสิ่งที่เกิดขึ้น จึงอยากให้นายอธิรัฐมาช่วยปราบโกง ซึ่งตนมาไม่ได้มาเพื่อหวังสิ่งอื่นใด และเห็นว่าเป็นคนหนุ่มที่จะทำเพื่อบ้านเมืองได้ อาจจะไม่ได้ผล 100% แต่อย่างน้อยทำได้เกิน 50% ก็พอใจแล้ว

นอกจากนั้นในเรื่องของการตรวจสอบห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ตนมองว่ามีการดำเนินการในการประมูลที่ไม่โปร่งใส โดยได้มีการใช้บริษัท บุรีรัมย์พนาสิทธิ์ จำกัด มาเป็นบริษัทคู่เทียบหลอกในการประมูล เพื่อทำให้ชนะการประมูลไป ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่ใช่แค่ครั้งเดียว มีหลายครั้ง และราคาที่ประมูลก็แตกต่างกันแค่หลักพัน หลักหมื่น อีกทั้งเมื่อมาตรวจสอบยังพบว่า บริษัท บุรีรัมย์พนาสิทธิ์ ยังบริจาคเงินให้กับพรรคภูมิใจไทย 5 ล้านบาทด้วย
“เราต้องตัดตอนพรรคการเมือง ซึ่งเป็นพรรคสีเทา จะให้ประชาชนเลือกไม่ได้ เรามากระทรวงคมนาคมวันนี้มาทำความสะอาด เพื่อให้ทุกคนได้เห็น ซึ่งพรรคภูมิใจไทยน่าจะต้องเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคภูมิใจพังได้แล้ว โดยสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของพรรคภูมิใจไทยคือ เอาเงินภาษีประชาชนไปซื้อตัว ส.ส.” นายชูวิทย์ กล่าว

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นตนยังได้เรียกร้องให้ดำเนินคดีกับนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ และเลือกปฏิบัติกรณีที่ดินเขากระโดง ไม่กล้าฟ้องขับไล่ตระกูลชิดชอบแต่หลีกเลี่ยงไปใช้วิธีการฟ้องศาลปกครองแทน เพื่อยื้อเวลา นอกจากนั้นขอให้ตรวจสอบนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีพฤติกรรมชู้สาวกับลูกน้องใน รฟม. ถือเป็นการประพฤติผิดคุณธรรม ไร้จริยธรรม และผิดวินัยข้าราชการอย่างร้ายแรง รวมถึงขอให้ตรวจสอบนางสุขสมรวย วันทนียกุลเลขานุการ รมว.คมนาคม ที่มีพฤติกรรมใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขตคุมงบประมาณ และสั่งการแทน รมว.คมนาคม
“ยืนยันอีกครั้งว่า ไม่ได้รู้จักกับนายอธิรัฐมาก่อน เดี๋ยวจะหาว่าเตี๊ยมกัน มาครั้งนี้มาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ดูนายอธิรัฐเป็นคนหนุ่มอนาคตไกล คงไม่มาทิ้งอนาคตไว้ในตอนนี้ จึงไว้วางใจท่าน จะบอกว่าเป็นกระดูกอ่อนไม่ได้ คนนี้ของแข็งซึ่งผมจะให้เวลานายอธิรัฐตรวจสอบประมาณ 15 วัน หากรัฐมนตรีตั้งใจทำงาน ก็จะเป็นผลงานสำคัญของนายอธิรัฐที่จะทำให้บ้านเมือง และประชาชนผู้มีเสียภาษีปราศจากคนโกง” นายชูวิทย์ กล่าว

ต่อมา เมื่อเวลา 13.45 น. นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ในฐานะปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งแทน รมว.คมนาคมกล่าวภายหลังรับหนังสือจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้ตรวจสอบ 5 ประเด็นด้วยกันว่า ภายหลังจากรับเรื่องตนจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมาตรวจสอบตามที่นายชูวิทย์ตั้งประเด็นสงสัยมา และให้ได้ข้อสรุปใน15 วัน อย่างไรก็ตามในส่วนของประเด็นของรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์)นั้น ที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าจะมีการเสนอ ครม. เพื่อขออนุมัติหรือไม่นั้น ในเรื่องนี้ จะต้องมีการดูระเบียบ กฎหมายว่ามีการดำเนินการตามข้อกฎหมายหรือไม่ เพราะคดีที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ีมี 4 คดี ก็ต่้องมาดูว่าจะต้องรอผลทั้ง4คดีให้ได้ข้อสรุปก่อนหรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาแล้วมีข้อสงสัยก็อาจจะต้องชะลอโครงการไปก่อน
ส่วนประเด็นที่นายชูวิทย์ ให้ตรวจสอบพฤติกรรมการกระทำของ นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการ รมว.คมนาคมที่มีการดำเนินการเกินอำนาจขอบเขต โดยส่งหนังสือเร่งรัดกรมทางหลวงหลวงชนบท และกรมทางหลวง เร่งรัดลงนามในสัญญา นั้น ก็ต้องมาดูว่าหากมีการมอบหมายให้ดำเนินการแทนก็สามารถทำได้ ซึ่งก็ต้องมาดูว่ารมว.คมนาคม สั่งการให้ดำเนินการแทนในเรื่องใด ซึ่งการเข้ามาปฎิบัติหน้าที่แทนตนไม่รู้สึกกังวล หรือ หนักใจ แต่ถ้าหากทำให้สังคม ผู้เสียภาษี คนสงสัย ได้รับความกระจ่างตนก็พร้อมทำหน้าที่ให้ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ นายอธิรัฐ รับ หนังสือ จากนายชูวิทย์ แล้ว ได้เรียกหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งหมดมาประชุมเพื่อมอบนโยบาย โดยในที่ประชุม นายอธิรัฐได้ให้นโยบายให้ทุกหน่วยงานรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการในโครงการต่างๆว่าขณะนี้มีโครงการใดบ้างที่อยู้ระหว่างการดำเนินการ หรือ เริ่มดำเนินการ และให้รายงานกลับมายังกระทรวงคมนาคมก่อนเดือน ส.ค. 66 ที่จะมีรัฐบาลใหม่ เพื่อเร่งรัดโครงการที่จำเป็นให้ดำเนินการให้ทันภายในกรอบเวลาที่เหลือของรัฐบาล ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบรมว.คมนาคม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ถูกศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องกรณีซุกหุ้น บริษัท บุรีเจริญ เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา ปรากฎว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ นายอธิรัฐ ได้เรียกผู้บริหาร การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) และ ผู้ที่เกี่ยวข้องในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ทั้งหมด ประชุมด่วนรวมถึงให้รายงานที่มา ปัญหา ความคืบหน้าของโครงการอย่างละเอียด
สำหรับประเด็นข้อเรียกร้องที่นายชูวิทย์ ส่งหนังสือถึงนายอธิรัฐ เพื่อให้ช่วยตรวจสอบใน 5 ประเด็นประกอบด้วย 1.ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม 2. ตรวจสอบห้างหุ้นส่วน บุรีเจริญ เข้าข่ายฮั้วประมูล และแต่งตั้งนอมินีรับงานกระทรวงคมนาคม 3 .ตรวจสอบนางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมีพฤติกรรมใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขต และมีการสั่งการให้ กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท เร่งรัดเซ็นสัญญาในโครงการ และ 4. ให้ตรวจสอบ นายนิรุฒ มณีพันธ์ุ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ละเว้นปฎิบัติหน้าที่เลือกปฎิบัติ กรณีที่ดินเขากระโดง และ 5.ให้ตรวจสอบนายภคพงศ์ ศิริกันทมาศ ที่มีพฤติกรรมชู้สาวกับลูกน้องในรฟม.