ครม.ไฟเขียวแผนบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2566 ชี้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี อยู่ที่ 61.14%



น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 21 ก.พ. 66 ได้อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2566 ครั้งที่ 1 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1) อนุมัติแผนการก่อหนี้ใหม่ ปรับเพิ่ม 81,242.89 ล้านบาท จากเดิม 1,052.785.47 ล้านบาท  เป็น 1,134,028.36 ล้านบาท   ประกอบด้วย การก่อหนี้ใหม่เพิ่มขึ้นของหน่วยงานอื่นของรัฐคือสำนักงานกองทุนน้ำมันและเชื้อเพลิง(สกนช.) ที่ปรับเพิ่มวงเงินกู้ระยะะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันและเชื้อเพลิงในประเทศ จาก 30,000 ล้านบาท เป็น 110,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 80,000 ล้านบาท และการก่อหนี้ใหม่เพิ่มของรัฐวิสหากิจ 1,242.89 ล้านบาท แยกเป็นส่วนที่ก่อหนี้เพิ่ม การยาสูบแห่งประเทศไทย เพิ่ม 1,500 ล้านบาท  บริษัท การผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็นจำกัด เพิ่ม 1,194 ล้านบาท การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) เพิ่ม 300 ล้านบาท  องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เพิ่ม 250 ล้านบาท  และส่วนที่การปรับลดวงเงินกู้ลงของ กฟน. ลดลง 1,500 ล้านบาท และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ลดลง 501.11 ล้านบาท

2) อนุมัติแผนการชำระหนี้ ปรับเพิ่ม 825.31 ล้านบาท จากเดิม 360,179.68 ล้านบาท เป็น 361,004.99 ล้านบาทโดยการเพิ่มขึ้นทั้ง 825.31 ล้านบาทเป็นการเพิ่มวงเงินชำระหนี้ของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.)

3) อนุมัติการบรรจุโครงการ, โครงการพัฒนา และรายละเอียดเพิ่มเติมในการปรับปรุงแผนฯ จำนวน 19 โครงการ  ประกอบด้วย แผนการก่อหนี้ใหม่ 10 โครงการ ได้แก่ โครงการของ กฟน. 3 โครงการ วงเงิน 2,200 ล้านบาทโครงการของบริษัทผลิตไฟฟ้าและนำเย็น จำกัด 5 โครงการ วงเงิน 1,194 ล้านบาท โครงการของ ยสท. 1 โครงการวงเงิน 1,500 ล้านบาท และโครงการของ อ.ส.ค. 1 โครงการ วงเงิน 250 ล้านบาท, แผนการบริหารหนี้เดิม  8 โครงการ  โดยเป็นโครงการบริหารหนี้ของรัฐบาลจำนวน 7 รายการภายใต้กรอบวงเงิน 240,000 ล้านบาท และโครงการของเอ็กซิมแบงก์ 1 โครงการ วงเงิน 2,300 ล้านบาท, และ แผนการชำระหนี้ 1 โครงการ ของ กยท. วงเงิน825.31 ล้านบาท

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า พร้อมกันนี้ ครม. ยังได้รับทราบการปรับปรุงแผนฯ ในส่วนของการบริหารหนี้เดิม ปรับลดลง6,282.51 ล้านบาท จากเดิม 1,735,962. ล้านบาท เป็น 1,729,680.42 ล้านบาท  โดยหลักเป็นการปรับลดลงจากแผนการบริหารหนี้เดิมของรัฐวิสาหกิจ ที่ลดลง 19,781 ล้านบาท ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ปรับลดวงเงินกู้โครงการจำนำผลผลิตทางการเกษตรปีการผลิต 2551/52, ปีการผลิต2555/56 และ ปีการผลิต 2556/57 เนื่องจากชำระคืนก่อนครบกำหนดแล้ว ลดลง 22,171 ล้านบาท ส่วน กฟน. ปรับวงเงินเพิ่ม 2,300 ล้านบาท

ส่วนแผนบริหารหนี้เดิมของรัฐบาลนั้นเพิ่มขึ้น 13,588.49 ล้านบาท ประกอบด้วย การปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้รัฐบาลที่ครบกำหนดในปี 2567-70 เพิ่มขึ้น 15,000 ล้านบาท และการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้รัฐบาลที่ครบกำหนดในปี 66 มีการปรับลดในส่วนเงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้มาให้ รฟท. กู้ต่อ ลดลง 1,411.51 ล้านบาท

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ภายหลังการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2566 ครั้งที่ 1 แล้วประมาณการสัดส่วนหนี้สาธารณะยังอยู่ภายใต้กรอบที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด  ดังนี้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี อยู่ที่ร้อยละ 61.14 จากกรอบตามกฎหมายไม่เกินร้อยละ 70, สัดส่วนหนี้ของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณอยู่ที่ร้อยละ 32.92 จากกรอบตามกฎหมายไม่เกินร้อยละ 35, สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมดอยู่ที่ร้อยละ 1.66 จากกรอบตามกฎหมายไม่เกินร้อยละ10 และสัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการอยู่ที่ร้อยละ 0.06  จากกรอบตามกฎหมายไม่เกินร้อยละ 5