

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ก.พ.66) แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เกิดกระแสข่าวเกี่ยวกับความเหมาะสมในการเข้าไปถือหุ้นของผู้บริหารของกระทรวงการคลัง หลังมีรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังได้เข้าซื้อขายหุ้นใน บริษัทบางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในขณะที่บริษัทบางจากฯ กำลังอยู่ในช่วงเข้าซื้อกิจการของ บริษัท เอสโซ่(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ จากรายงานการซื้อขายหุ้นของ ก.ล.ต. ระบุ พบการเข้าซื้อขายหุ้นของกรรมการในบริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) จำนวนหนึ่งในช่วงเดือน ธ.ค.2565 ถึง ม.ค.2566 ซึ่งเป็นช่วงที่คณะกรรมการของบริษัทมีมติเป็นเอกฉันท์เข้าซื้อกิจการของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
โดยบางจากฯได้ลงนามสัญญาการซื้อขายหุ้นกับ เอ็กซอนโมบิล เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2566 และคาดว่า จะสามารถดำเนินการซื้อขาย และชำระเงินค่าหุ้นแก่ผู้ขายได้ภายในครึ่งหลังของปี 2566
ทั้งนี้ ได้พบหนึ่งในคณะกรรมการที่เข้าซื้อขายหุ้นเป็นกรรมการผู้แทนจากกระทรวงการคลัง นั่นคือ นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ โดยรายงานพบว่า ได้เข้าซื้อหุ้นจำนวนทั้งหมด 600,000 หุ้น แบ่งเป็นการเข้าซื้อในวันที่ 22 ธ.ค.2565 จำนวน 200,000 หุ้น ในราคา 31.00 บาท วันที่ 22 ธ.ค.2565 จำนวน 100,000 หุ้น ในราคา 30.75 บาท และ วันที่ 26 ธ.ค.2565 จำนวน 300,000 หุ้น ในราคา 28.14 บาท จากนั้น ในวันที่ 12 ม.ค.2566 ได้ทำการขายหุ้นจำนวน 150,000 หุ้น ในราคา 34.75 บาท
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า การซื้อขายหุ้นของกรรมการบริษัทบางจากฯ เป็นการใช้ข้อมูลภายใน หรืออินไซด์เดอร์ ก่อนที่จะมีการซื้อกิจการในธุรกิจอื่นหรือไม่ ซึ่งในส่วนของกรรมการผู้แทนของกระทรวงการคลังนั้น การดำเนินการดังกล่าว ถือว่าผิดจรรยาบรรณ ซึ่งตามปกติแล้ว กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังจะต้องไม่ดำเนินการในลักษณะดังกล่าว อีกทั้งหากจะอ้างว่า ไม่ทราบเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติดังกล่าว ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่ใช้กันมานานแล้ว
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง ยังเปิดเผยด้วยว่า ผู้บริหารกระทรวงการคลังได้รับรายงานเกี่ยวกับการเข้าซื้อขายหุ้นของกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังในรัฐวิสาหกิจรายหนึ่ง ซึ่งเข้าข่ายผิดจรรยาบรรณการเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจที่กำหนดว่า กรรมการผู้แทนต้องไม่เข้าถือหุ้น หรือรับหุ้นใดๆ จากกิจการที่กระทรวงการคลังได้ส่งให้ผู้แทนรายนั้นๆ เข้าไปเป็นกรรมการ หากว่า กิจการนั้นๆ จะทำการส่งมอบหุ้นให้แก่กระทรวงการคลัง ทางกรรมการผู้แทนจะต้องส่งรายงานมาให้กระทรวงการคลังรับทราบ เพื่อพิจารณาว่าสมควรรับหุ้นดังกล่าวหรือไม่
“ขณะนี้ ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังได้รับทราบเกี่ยวกับการเข้าซื้อและขายหุ้นของกรรมการผู้แทนดังกล่าวแล้ว และกำลังพิจารณาว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะถือเป็นการกระทำผิดจรรยาบรรณที่กำหนดไว้ในหลักเกณฑ์การเป็นกรรมการผู้แทนรัฐวิสาหกิจเมื่อปี 2553”
ด้าน น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง และเป็นอดีตกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง ที่กระทรวงการคลังส่งไปดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทบางจากฯ ที่หมดวาระไปเมื่อวันที่ 1 ม.ค.66 ที่ผ่านมา กล่าวยอมรับว่า ตนได้มีการซื้อขายหุ้นบริษัทบางจากฯ จริง แต่หุ้นที่ซื้อขายนั้นได้รับสิทธิตามการจัดสรรอย่างถูกต้อง ตามมติคณะกรรมการบริษัทบางจากฯ ที่จัดสรรให้บอร์ดและพนักงานทุกคน รวมทั้งนสิ้น 18 ล้านหุ้น ซึ่งถือเป็นผลตอบแทนที่ได้รับจากการทำงานในช่วงสิ้นปี ซึ่งในส่วนของพนักงาน ก็ได้รับตามสัดส่วนที่ประเมินจากผลการดำเนินงาน
“ตนในฐานะที่เป็นบอร์ดในขณะนั้น ได้รับการจัดสรรเช่นเดียวกันที่จำนวนสิทธิ 300,000 หุ้น จึงได้ใช้สิทธิซื้อหุ้นตามสิทธิที่ได้รับ แต่ตนไม่ได้คิดว่าจะเข้าไปเล่นหรือถือหุ้นอะไร เพราะเมื่อหุ้นเข้าพอร์ตมา ก็ได้สั่งให้บริษัทหลักทรัพย์ขายออกทันที เนื่องจากปกติไม่ได้มีการเล่นหุ้นของบางจาก และไม่เคยมีพอร์ตหุ้นก่อนอยู่แล้ว”
ทั้งนี้ ในการรับหุ้นจาก บริษัทบางจากฯ ก็ได้มีการแจ้งตลาดหลักทรัพย์ และกระทรวงการคลังให้ได้รับทราบตามระเบียบขั้นตอนมาโดยตลอด โดยขอยืนยันว่า ขณะนี้ไม่มีหุ้นของบริษัทยางจากฯ เหลืออยู่ในพอร์ตแต่อย่างใด และไม่ได้มีการเข้าไปซื้อเพิ่มอีกด้วย ทั้งนี้ปัจจุบันได้ลาออกจากคณะกรรมการบอร์ด บริษัทบางจากฯ แล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.66