

- ดันดัชนีเชื่อมั่นชายแดนใต้ไตรมาส 4/65 สูงสุดรอบ 2 ปี
- เหตุประชาชนมีงาน มีรายได้ แม้ยังกังวลค่าครองชีพสูง
- ศอ.บต.คาดรายได้ดีขึ้นต่อเนื่องหลังทุกภาคส่วนเร่งช่วยเหลือ
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นจังหัดชายแดนใต้ ไตรมาส 4/65 ที่สนค.ได้ร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคภาคใต้(ศอ.บต.) สำรวจความคิดเห็นของประชาชน 30,738 คน ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ระดับ 54.57 เพิ่มขึ้นจาก 53.77 ในไตรมาส 3/65 เป็นการปรับขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มสำรวจในไตรมาส 1/64 ที่อยู่ที่ระดับ 52.74 โดยเฉพาะความเชื่อมั่นในปัจจุบัน ปรับตัวมาอยู่ในช่วงเชื่อมั่น หรือเกินระดับ 50 ในรอบ 7 ไตรมาส เป็นผลมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของความเชื่อมั่นทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง
“สาเหตุสำคัญมาจากประชาชนมีกำลังซื้อมากขึ้น เพราะการจ้างงานและรายได้ดีขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการทำงานกลางแจ้ง โดยเฉพาะกรีดยางพารา ประกอบกับ ราคาน้ำมันลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า รวมถึงการทำงานอย่างเข้มงวดของฝ่ายรักษาความมั่นคง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นโดยรวมเพิ่มขึ้น”
ทั้งนี้ เมื่อแยกเป็นรายจังหวัด พบว่า สตูลมีความเชื่อมั่นโดยรวมสูงสุด อยู่ที่ 60.39 ตามด้วย สงขลา 55.31 ปัตตานี53.70 นราธิวาส 53.21 และยะลา 52.84 อย่างไรก็ตาม ยะลา เป็นจังหวัดเดียวที่มีความเชื่อมั่นทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจสังคม และความมั่นคง ต่ำสุดใน 5 จังหวัด แต่ยังอยู่ในระดับเกิน 50 หรืออยู่ในช่วงเชื่อมั่น

สำหรับปัญหาที่ประชาชนมีความกังวลมากที่สุดยังคงเป็นปัญหาเรื่องค่าครองชีพหรือสินค้าและบริการ มีราคาสูงและปัญหารายได้ตกต่ำ สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ที่ต้องการให้ภาครัฐแก้ปัญหาค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูง การมีงานทำและรายได้ รวมถึงการแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร ขณะที่สถานการณ์ด้านภัยธรรมชาติ มลพิษและความเพียงพอของสินค้า ยังอยู่ในระดับที่ไม่เป็นปัญหา
ด้านพลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น มาจากประชาชนมีรายได้มากขึ้น มีงานทำมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงโควิด แรงงานไทยที่ไปทำงานมาเลเซีย และกลับมาไทยกว่า 17,000 คน มีงานทำมากกว่า 15,000 คน เพราะศอ.บต. และหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนทั้งในและนอกพื้นที่ ได้เร่งสร้างงาน สร้างรายได้ เช่น ส่งไปทำงานในโรงงานต่างๆ ทั้งในพื้นที่ และกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีการพัฒนาอาชีพ รวมถึงส่งเสริมการค้าขายออนไลน์

“คาดว่า ไตรมาสต่อๆ ไป รายได้ของประชาชนจะทยอยเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ครัวเรือนละ 19,300 บาทต่อเดือนจากก่อนหน้านี้ที่ 18,000 บาท และ 19,000 บาท เพราะการท่องเที่ยวฟื้นตัว และมีการจัดกิจกรรมต่างๆ กระตุ้นการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนในพื้นที่มากขึ้น เช่น วันที่ 17-19 ก.พ.นี้ จัดการแข่งวิ่งเทรล ที่เบตง จ.ยะลา ซึ่งคาดว่าจะมีผู้สมัครเข้าแข่งขัน และผู้เกี่ยวข้องเข้ามาในพื้นที่หลายพันคน อีกทั้งยังมีกิจกรรมพัฒนาอาชีพ สร้างรายได้ ควบคู่ไปกับการลดครัวเรือนที่ยากจน”
ส่วนสาเหตุที่จ.ยะลา มีดัชนีความเชื่อมั่นทุกด้านต่ำที่สุดใน 5 จังหวัด เพราะยะลาอยู่ในความไม่สงบมากที่สุด และได้รับผลกระทบจากความไม่สงบมากที่สุด มีประชาชนอยู่ในเกณฑ์ยากจนสูง จึงทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นต่ำที่สุด แต่อย่างน้อยเป็นสัญญาณที่ดี ที่ทุกภาคส่วนควรมุ่งสรรพกำลังไปช่วยเหลือประชาชนยะลาให้มากที่สุด เพื่อให้อยู่ดีกินดี และมีความเชื่อมั่นมากขึ้น