

- ททท.ขยับเป้าใหม่ปี’66 กวาดตลาดระยะใกล้โกยเอเชีย 18 ล้านคน งัด 4 กลยุทธ์ “China is Back จีนกลับมาแล้ว
- Seven Digit Target นำทัวร์ 7 หลักยอดทะลุล้านคนเที่ยวไทย-Consumer Fair onsite บุกจัดคอนซูเมอร์แฟร์ทุกประเทศ RT ปลุกกระแสเที่ยวอย่างรับผิดชอบ รีบอร์น เนเจอร์”
- ตลุยขายบิ๊กมาร์เก็ต 5 ชาติ มาเลเซีย อินเดีย จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น โฟกัสทัวร์คุณภาพ 4 ตลาด “กีฬา-สุขภาพ-คู่แต่งงานฮันนีมูน-หรูหรา”
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เปิดศักราชใหม่ปี 2566 การท่องเที่ยวในตลาดระยะใกล้ (shorthaul) จากเอเชียและแปซิฟิกใต้ฟื้นเร็วเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ตอนนี้เปิดครบทุกประเทศแล้วหลังสุดคือรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศเปิดประเทศให้คนจีนออกเข้าต่างประเทศได้ รวมทั้งรัฐบาลไทยต้องการให้ ททท.ปรับเป้าหมายใหม่จำนวนต่างชาติเข้าเมืองไทยปี 2566 ขยับจาก 18 เป็น 20 ตอนนี้รวมจีนแล้วน่าจะเกิน 25 ล้านคน
ทางตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท.จะรับโจทย์ทำเป้าหมายให้ได้มากที่สุดกว่า 72 % ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด หรือประมาณ 18 ล้านคน จึงจะต้องใช้ศักยภาพ ททท.18 สำนักงาน ทำให้เกิดความสำเร็จจนได้

ในวันที่ 12 มกราคม 2566 ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.ร่วมกับรองผู้ว่าการทั้งหมดและผู้บริหาร ททท.จะร่วมกันเปิดตัวโครงการ Visit Thailand Year 2023 ในส่วนของตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ได้วางแนวทางใหม่เพื่อกระตุ้นตลาดไว้ 4 กลยุทธ์ ดังนี้
กลยุทธ์ที่ 1 China is Back การกลับมาของจีน เริ่มเดินทางต่างประเทศ ทำให้ตลาดระยะใกล้ (shorthaul market) เติบโตอย่างมีนัยสำคัญมาก ซึ่งจีนจะขยับแบบค่อยเป็นค่อยไปตามธรรมชาติจะเป็นผลดีมากที่สุด เริ่มเดือนมกราคม60,000 คน กุมภาพันธ์ 90,000 คน มีนาคม 150,000 คน
สาเหตุที่จีนมาเที่ยวเมืองไทยขยับไม่มากด้วยข้อจำกัด 3 ปัจจัย คือ 1. “เที่ยวบินเข้า-ออก” ระหว่างจีนกับไทย ยุคเฟื่องฟูปี มีสัปดาห์ละ 600-700 เที่ยว แต่ปัจจุบันมีเพียง 30 เที่ยว/สัปดาห์ 2.หนังสือเดินทาง/Passport จีนยังอยู่ในช่วงการเริ่มต่ออายุใหม่ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 10 วัน 3.ต้องรอทางการจีนประกาศให้บริษัทนำเที่ยวขายให้กลุ่มเดินทางเป็นหมู่คณะ (G.I.T.-Group International Travel)

เมื่อจีนทยอยเดินทางจะส่งผลดีกับไทยได้เตรียมความพร้อมช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ นี้ จึงเป็นช่วง “เปลี่ยนผ่าน” ทั้งในส่วนสนามบินเข้าออกประเทศ โรงแรมที่พัก รถแท็กซี่ รถสาธารณะ ร้านอาหาร และอื่น ๆ เนื่องจากตอนนี้ “กำลังคน” กับ “มัคคุเทศก์ทัวร์จีน” ตอนเกิดโควิด-19 หายไปจากระบบจนเกิดภาวะขาดแคลนอย่างหนัก กว่าจะฟื้นฟูคนภาคบริการกลับมาต้องใช้เวลา ซึ่งจะพอดีกับช่วงมีนาคมนี้เมื่อจีนจะมาเกินหลักแสนคนขึ้นไป
กลยุทธ์ที่ 2 Seven Digit Target จะให้ความสำคัญกับตลาดเป้าหมายที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศละหลัก 1 ล้านคนขึ้นไป 5 ประเทศหลัก ได้แก่ “มาเลเซีย” ทางผู้ประกอบการนำเที่ยวมาเลเซียกลุ่ม บัส โอเปอเรเตอร์ ทั้งหมดรับปากจะช่วยนำคนมาเที่ยวตลอดปีนี้ถึง 4 ล้านคน “สาธารณรัฐประชาชนจีน” แนวโน้มจะถึง 5 ล้านคน “เกาหลีใต้” เริ่มจากปีใหม่มีคนเดินทางมาไทยวันละ 6,000-7,000 คน “อินเดีย” จำนวนจะทะลุ 1 ล้านคน เพราะระหว่างเมษายน-ธันวาคม 2565 มียอดรวม 9.6 แสนคน “ญี่ปุ่น” ก็น่าจะทำได้ถึง 1 ล้านคน
กลยุทธ์ที่ 3 Consumer Fair onsite ททท.วางแผนเดินสายจัดมหกรรมขายตรงกับตามประเทศเป้าหมาย ไตรมาส 1 ปี 2566 จะจัด 3 ครั้ง ภายใต้ชื่อ Amazing Thailand Festival2023 เริ่มเดือนกุมภาพันธ์ นี้ เตรียมนำเอกชนเดินทางไปร่วมขายที่กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย ต่อด้วยกรุงโฮจิมินห์ เวียดนาม เดือนมีนาคม กลับไปจัดอีกครั้งที่มุมไบอินเดีย
ภายในงานแต่ละครั้ง จะนำเสนอบูธซึ่งประกอบด้วย การเลือกช้อปแพกเกจท่องเที่ยว ได้ชิมอาหารไทย มีบริษัทนำเที่ยว โรงแรม/รีสอร์ต สายการบิน จากประเทศไทยไปวางขายอย่างเต็มที่ เพราะชีวิตหลังโควิด-19 นักท่องเที่ยวทุกคนในต่างประเทศก็อยากกลับมาสัมผัสประสบการณ์จริงอีกครั้ง

กลยุทธ์การจัด Amazing Thailand Festival2023 จะขยายผลจัดใน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมออสเตรเลีย ด้วย
ส่วนการทำโร้ดโชว์ เทรดโชว์ หลายจังหวัดท่องเที่ยวของไทย ภูเก็ต กระบี่ พัทยา กรุงเทพฯ พร้อมแล้วที่จะลงทุนร่วมเดินทางไปกับ ททท.บุกขายท่องเที่ยวทั้งงาน ATF :Asean Tourism Fair 2023 งาน SATE อินเดีย และจะจัดโร้ดโชว์พิเศษบุกตลาดจีนครั้งใหม่เริ่มเดือนกุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป
กลยุทธ์ที่ 4 RT -Responsible Tourism กระตุ้นท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำร่องด้วยโครงการไฮไลต์ Reborn the Nature จังหวัดพังงา เพื่อปลุกกระแสท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เตรียมระดมนักดำน้ำจากทั่วภูมิภาคเอเชียที่เคยเรียนดำน้ำในทะเลไทยกลับมาช่วยกันดำน้ำที่เกาะเต่า พังงา ทำกิจกรรมโลกใต้ทะเล เก็บขยะ สร้างบ้านปลา ปลูกปะการัง ทำให้เป็น Explosure Thailand
นายธเนศวร์ กล่าวว่า ททท.จะรณรงค์ด้าน supply size กลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้หันมาใช้มาตรฐาน SHA Plus และบุคลากรทั้งหมดในทุกธุรกิจเสริมภูมิคุ้มกันทำบูสเตอร์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด สร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยด้านสุขอนามัย ตามนโยบาย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีนโยบายชัดเจนให้สร้างสมดุลระหว่างมาตรการทางสาธารณสุขควบคู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยววิถีใหม่
ขั้นต่อไป ททท. เตรียม “ปรับฐานเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริป” โดยทำโฟกัสการตลาดมากขึ้นเน้นกลุ่มคุณภาพพุ่งเป้าไปยังตลาดสนใจเฉพาะหรือ Niche Market ได้แก่ 1.การท่องเที่ยวเชิงกีฬา/Sport Tourism 2.การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวม/health & Wellness 3.การท่องเที่ยวของคู่แต่งงาน/Wedding&Honeymoon 4.การท่องเที่ยวหรูหรา/Luxury ซึ่งได้ตกผลึก ททท.ตกลงกับ TRIS เพื่อใช้เป็น KPI การวัดผลงานให้การท่องเที่ยวปีนี้สอบผ่านได้
ดังนั้นภาพรวม “ตลาดต่างประเทศ” ทั้งเอเชียแปซิฟิกใต้กับตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ต่างก็เห็นตรงกันที่จะทะลวงตลาดศักยภาพดังกล่าว

นายธเนศวร์กล่าวว่า ไฮไลต์เดือนมกราคม 2566 มีงานท่องเที่ยวอีกรายการตามข้อตกลงความร่วมมือของสมาชิกอาเซียน คือ ATF 2023 -Asean Travel Fair กำหนดจัดระหว่าง 2-5 กุมภาพันธ์ 2566 ที่เมืองยอกยาการ์ตา (ดินแดนแห่งบูโร พุทโธ) อินโดนีเซีย ททท.จะใช้เวทีนี้สร้างความเชื่อถือเสริมแบรนดิ้งโครงการ Amazing Thailand New Chapters ให้แข็งแรงมากขึ้น ด้วยการทำ TRAVEX โดยมีเอกชนไทย บริษัทนำเที่ยว โรงแรม สนใจเข้าร่วมจับคู่เจรจาธุรกิจประมาณ 10 ราย และสายการบินไทยสมายล์ จะเข้าร่วมด้วยเพื่อเปิดตัวเส้นทางบิน ยอกยาการ์ตา-กรุงเทพฯ เพื่อร่วมมือกันขยายตลาดอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น จากจำนวนประชากรนับ 100 ล้านคน เดินทางมาไทยให้ได้ปีละไม่น้อยกว่า 500,000 คน
ขณะนี้ ททท.ได้หารือกับสายการบินพันธมิตรทั้ง การูด้าแอร์ อินโดนีเซีย ไทยไลออนแอร์ และอีกหลายสายการบินเตรียมเดินหน้าส่งเสริมตลาดทำโปรโมชั่นแพกเกจผ่านงาน ATF 2023 อีกทั้งการแข่งขันตอนนี้สูงมากเนื่องจากแต่ละประเทศพากันพัฒนาจัดงานแฟร์ระดับนานาชาติขึ้นหลายงาน เช่น TTF -Taiwan Tourism Fair ของไต้หวัน ไทยก็มีTTM -Thailand Travel Mart สิงคโปร์จัดงาน NATAS :National Association of Travel Agents Singapore อินเดียจัดงาน SATTE ที่กรุงเดลี และสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเปิดประเทศแต่ละมณฑลเตรียมจัดงานท่องเที่ยวดึงคนเข้าพื้นที่ด้วยการผสมผสานระหว่าง Trade +Consumer Fair นั่นเอง
เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen