“รมว.พิพัฒน์” นำ ททท.พบนายกฯประยุทธ์ โชว์รับทัวร์จีน ภูมิใจไทย 3 กระทรวง เด้งรับเปิด 3 มาตการเอาอยู่ปี’66



  • “รมว.พิพัฒน์ รัชกิจประการ” นำ ททท.รับนโยบายตรง “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” กำชับแผนรับมือทัวร์จีนปี’66
  • ไทยชู 3 มาตรการ “ประวัติการฉีดวัคซีน-ซื้อประกันสุขภาพ-ทุกสนามบินใช้เครื่องสแกนอุณหภูมิโควิด”
  • งานนี้ 3 กระทรวงสังกัด “พรรคภูมิใจไทย” ได้โชว์ผลงานเต็มที่

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ภายหลังนำผู้บริหารกระทรวงฯและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้าพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 ธันวาคม 2565 มีนโยบายให้ทุกฝ่ายรับมือจีนเดินทางท่องเที่ยวหลังคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน หรือ NHC : National Health Commission ประกาศเปิดประเทศหรือเลิกมาตรการโควิด-19 เป็นศูนย์ที่เรียกว่า 0+0 จะเริ่มมีผลตั้งแต่ 8 มกราคม 2566 เป็นต้นไป

ซึ่งทางพรรคภูมิใจไทยดูแลกระทรวงหลักเกี่ยวข้องกับการรับมือทัวร์จีนโดยตรง 3 กระทรวงหลัก  คือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข จึงได้รายงานพลเอกประยุทธ์ถึงแผนรับมือนักท่องเที่ยวจีนปี 2566 ประกอบด้วย 2 เรื่องหลัก ได้แก่

เรื่องที่ 1 จะใช้มาตรการหลักให้นักท่องเที่ยวจีน “ทำประกันสุขภาพและคุ้มครองการใช้สิทธิรักษาโควิด-19” ได้มาถึงเมืองไทยแล้วพบอาการติดเชื้อแล้วต้องเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลในไทยได้ตามมาตรฐานสาธารณสุข แล้วสามารถจ่ายเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้

เรื่องที่ 2 ตรวจประวัติการฉีดวัคซีน ประเทศไทยยังต้องคงมาตรการให้นักท่องเที่ยวจีนปฏิบัติตามมาตรฐานเดียวกันกับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางมาไทยคือ ต้องฉีดวัคซีนที่ได้การรับรองจากองค์การอนามัยโลก ครบไม่น้อยกว่า 2 เข็ม รวมถึงวัคซีนซิโนแวคล้วนด้วย กรณีไม่ได้ฉีดควันซีนเลยจะขอร้องนักท่องต้องกักตัวเพื่อตรวจหาเชื้อก่อนแต่ในทางปฏิบัติทางรัฐบาลจีนกำหนดชัดเจนคนที่จะเดินทางต่างประเทศได้จะต้องตรวจ RT-PCR ทุกคน

รวมทั้งเตรียมบริการ “รับฉีดวัคซีนนักท่องเที่ยวจีน” โดยจะต้องจ่ายค่าวัคซีนและบริการตามปกติ เบื้องต้นจะเปิดให้แจ้งความประสงค์ลงทะเบียนมาก่อนถึงเมืองไทย แล้วทางสาธารณสุขก็จะจัดเตรียมบริการไว้รองรับ ซึ่งระยะแรกนักท่องเที่ยวจีนจะเป็นกลุ่มเดินทางอิสระด้วยตนเอง (F.I.T.) การฉีดวัคซีนก็อาจจะต้องวางแผนบ้าง แต่ระยะต่อไปเมื่อมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นกรุ๊ปหรือหมู่คณะ (G.I.T.) การขอใช้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดจะทำได้ง่ายกว่า เช่นเดียวกันกับคนไทยเคยเดินทางไปฉีดวัคซีนแบบเดียวกันนี้ในต่างประเทศ

เรื่องที่ 3 เพิ่มมาตรการเข้มงวดด้านการคัดกรองนักท่องเที่ยวจีนที่สนามบินนานาชาติซึ่งเป็นช่องทางเข้าประเทศไทยเช่น นำเครื่องสแกนวัดอุณหภูมิติดตั้งทุกสนามบิน

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ทางพลเอกประยุทธ์ได้กำชับหนักแน่นให้ทั้ง 3 กระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา คมนาคม และสาธารณสุข เร่งประชุมร่วมกัน ซึ่งตามกำหนดจะประชุมวันที่ 5 มกราคม 2566 เพื่อดูแลนักท่องเที่ยวเข้มงวดให้มากกว่าที่เป็นอยู่มากกว่าปัจจุบัน เพื่อความปลอดภัยและสบายใจของทุกฝ่าย ซึ่งพรรคภูมิใจพร้อมทำงานแบบบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยเดินหน้าลบคำสบประมาทที่ถูกมองเป็นเสือลำบากรั้งท้ายอันดับ 10 ของอาเซียน

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีระกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวย้ำมาตั้งแต่วันแรกถึงมาตรการรับมือนักท่องเที่ยวจีนหลังวันที่ 8 มกราคม 2566 ว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขพร้อมที่จะใช้เกณฑ์มาตรฐานการรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าเมืองไทยภายใต้ข้อปฏิบัติเท่าเทียมแบบเดียวกันทั้งจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ๆ นั่นคือเน้นใช้มาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัย หากพบการติดเชื้อก็ต้องให้เข้ารับการรักษาพยาบาลในเมืองไทย

ส่วน “นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อย 6 สนามบินนานาชาติหลัก ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท./AOT” โดยเน้นทุกขั้นตอนที่จะไม่ให้เกิดสถานการณ์ผู้โดยสารแออัด โดยเฉพาะสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ซึ่งจะมีผู้โดยสารชาวจีนผ่านเข้าออกมากสุดตลอดปี 2566 คาดการณ์ไว้ถึง 5-10 ล้านคน เนื่องจากในสถานการณ์ปกติเมื่อปี 2562 จีนมาเที่ยวเมืองไทยกว่า 10 ล้านคน เมื่อนับจำนวนทั้งขาเข้าและขาออกสนามบินระหว่างประเทศจึงมีจำนวนรวมกันกว่า 20 ล้านครั้ง

อีกทั้งยังมีรายงานจากสำนักข่าวต่าง ๆ ในจีน ถึงความตื่นตัวของคนจีนต่างเตรียมเสิร์ซค้นหาข้อมูลออนไลน์ดัง ๆโดยมีเมืองไทยติด  1 ใน 5 ประเทศจุดหมายปลายท่องเที่ยวของจีนรวมอยู่ด้วย แต่อย่างไรก็ตามเงื่อนไขสำคัญที่จะเป็นตัวแปรหลักคือ “การปลดล็อกเที่ยวบิน” ระหว่างไทยกับจีน เพื่อให้ทุกสายการบินสามารถขอเพิ่มเที่ยวบินให้ได้ตามความต้องการของนักเดินทางหลังมกราคม 2566 เนื่องจากปัจจุบันทางกรมการบินพลเรือนแห่งชาติจีน ยังคงจำกัดไว้จากไทยไปจีน 15 เที่ยว/สัปดาห์ จีนมาไทย 15 เที่ยว/สัปดาห์ หรือรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 30 เที่ยว/สัปดาห์

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen