ททท.โชว์ท่องเที่ยวปี’66 สดใสเข้าเป้า 2.38 ล้านบาท 12 ม.ค.66 เคลื่อนทัพใหญ่เปิด Visit Thailand Year 2023



  • บิ๊ก ททท.ย้ำท่องเที่ยวปี’66 สดใสทำได้แน่ 2.38 ล้านล้านบาท 12 ม.ค.ปีหน้าเปิดใหญ่ Visit Thailand Year 2023
  • เล็งขยายตลาดดาวรุ่ง ซาอุดิอาระเบีย ทูรเคีย/ตุรกี โปแลนด์ โชว์สถิติปี’65 ทั่วโลกเข้าไทย 20 ประเทศ
  • มาเลเซียนำโด่ง มี “จีน” ติดอันดับ 14 ด้วยกว่า 2.62 แสนคน
  • ส่วน “ในประเทศ” ท่ามกลางโควิดทุบแซงหน้าปีฐาน’62 ไปแล้ว 261 ล้านคน-ครั้ง

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์ทำการตลาดเชิงรุกในภาพรวมปี 2566 ตามนโยบายรัฐบาลให้ร่วมกันนำการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศฟื้น “รายได้” กลับมา 80 % ของปีฐาน 2562 คิดเป็น  2.38 ล้านล้านบาท จาก “นักท่องเที่ยวต่างประเทศ” จำนวนไม่น้อยกว่า 20 ล้านคน พร้อมทั้งต้องการเห็นการท่องเที่ยวมิติใหม่เป็น New Chapters ซึ่ง ททท.จะดำเนินการ 2 ลักษณะ คือ 1.อุปสงค์ กระตุ้นนักท่องเที่ยวต้องเป็นตลาดเชิงคุณภาพเจาะกลุ่มตรงเป้าหมายชัดเจน เน้นท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์มีคุณค่าMeaningfull travel 2.ปรับปรุงทางด้านอุปทาน หรือ Shap Supply เรื่องความปลอดภัยด้านสุขอนามัยควบคู่กับการทำตลาดเชิงรุกเต็มรูปแบบ

ส่วนแนวทางพลิกโฉมการท่องเที่ยวสู่ New Chapter ประกอบด้วย 1.ลดพึ่งพาจำนวนนักท่องเที่ยว หันไปเพิ่มตลาดคุณภาพ กลุ่มสนใจพิเศษ เช่น กลุ่มขับเคลื่อนระบบนิเวศน์ใหม่ Gen Y Gen Z และ Senior Active 2.เน้นสร้างมาตรฐานสินค้าสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ปี 2566 จะประกาศท่องเที่ยวยั่งยืน

วันที่ 12 มกราคม 2566 ททท.จะประกาศจัดงาน Visit Thailand 2023 มีโปรดักซ์ไฮไลต์ที่จะนำการท่องเที่ยวกลับมาให้ได้ในปี 2566 ตามเป้าหมายทั้งหมดที่วางไว้

ขณะที่รวมปี 2565 “ตลาดต่างประเทศ”  ระหว่าง 1 มกราคม -20 ธันวาคม 2565 ประมาณ 10.9 ล้านคน ช่วงที่เหลืออีก 10 วัน การเดินทางเฉลี่ยจะทำได้ถึงวันละ 72,000 ล้านคน ส่งผลให้ตลอดปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวรวม 11.5 ล้านคน“สร้างรายได้” ตามเป้า 700,000 ล้านบาท มาจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างประเทศในไทย ไตรมาส 1 มีตลาดระยะไกลข้ามทวีปจากยุโรปเข้ามาจำนวนมาก จึงมีค่าเฉลี่ยสูง 77,000 บาท/คน/ทริป ไตรมาส 2 เป็นตลาดระยะใกล้ซึ่งใช้จ่ายเฉลี่ยลดลงเหลือ 55,000 บาท/คน/ทริป เฉลี่ยตลอดทั้งปี 60,000 บาท/คน/ทริป ก็จะได้ประมาณ7000,000 ล้านบาท เมื่อนำมารวมเข้ากับ “รายได้ตลาดในประเทศ”อีก 800,000 ล้านบาท จะได้ไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านล้านบาท คิดเป็น 50 % ของปี 2562 ใกล้เคียงกับจำนวนเป้าหมายที่ตั้งไว้ เติบโตแบบ V Shape ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไฮไลต์ มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกเข้าไทยตามลำดับ 20 ประเทศ ได้แก่

1.มาเลเซีย 1,789,136 คน 2.อินเดีย 914,229 คน 3.สปป.ลาว 789,351 คน 4.กัมพูชา 555,819 คน 5.สิงคโปร์555,370 คน  6.เกาหลีใต้ 495,011 คน 7.เวียดนาม 450,047 คน 8.อเมริกา 424,711 คน 9.สหราชอาณาจักร/อังกฤษ 422,679 คน 10.รัสเซีย 367,236 คน

11.เยอรมัน 341,712 คน 12.ออสเตรเลีย 309,599 คน 13.ญี่ปุ่น 301,561 คน 14.สาธารณรัฐประชาชนจีน262,443 คน 15.ฝรั่งเศส 259,203 คน 16.อินโดนีเซีย 213,22 คน 17.เมียนมา 205,515 คน 18.ฟิลิปปินส์170,822 คน 19.อิสราเอล 138,632 คน 20.ฮ่องกง 134,378 คน

ส่วน “ตลาดดาวรุ่ง” น่าสนใจ ได้แก่ 1.ซาอุดิอาระเบีย ติดอันดับ 22 เข้ามาเที่ยวเมืองไทยแล้ว 93,000 คน แนวโน้มปลายปี 2565 จะ“มีจำนวนที่นั่งเที่ยวบิน” ในตารางบินฤดูหนาวตั้งแต่ธันวาคม 2565 -มีนาคม 2566 เพิ่มขึ้น 74 % ผลจากวิกฤตสภาพอากาศจะเป็นแรงผลักดันให้ยุโรปไหลเข้าไทยเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน จึงมีตลาดดาวเด่นใมห่อย่าง ทูรเคีย/ตุรกี โปแลนด์ เข้ามาเสริมด้วย

ขณะที่ “เอเชียใต้” อินเดีย มาแรงติดอันดับ 2 ของประเทศ และ “สาธารณรัฐประชาชนจีน” หากใช้ วิธีนับจำนวนนักท่องเที่ยวจาก “การประทับตราวีซ่านักท่องเที่ยว” มีจีน 3.6 แสนคน แต่ปีนี้ไม่ได้มีบทบาทโดดเด่นเหมือนที่ผ่านมาเข้ามาปีละกว่า 10 ล้านคน

สำหรับ “ตลาดในประเทศ” จำนวน “ผู้เยี่ยมเยือน” เพียง 11 เดือนแรก ระหว่างมกราคม-พฤศจิกายน 2565 มีสูงถึง227 ล้านคน-ครั้ง เฉพาะธันวาคมนี้เพียงเดือนเดียวคาดจะมีสูงถึง 34 ล้านคน-ครั้ง รวมแล้วตลอดปีนี้จะทำให้คนไทยเที่ยวไทย 261 ล้านคน-ครั้ง “รายได้” ไม่น้อยกว่า 8 แสนล้านบาท ซึ่งจะต้องรอกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เปรียบเทียบสถิติกับปีฐาน 2562 แล้วมีตลอดทั้งปีหรือ 12 เดือนมีผู้เยี่ยมเยือน 222 ล้านคน-ครั้ง ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าปีนี้ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ไทยเที่ยวไทยเติบโตเกินกว่าสถนการณ์ปกติไปเรียบร้อยแล้ว

ททท.คาดการณ์สถานการณ์ “ต้นทุนสูง” ส่งผลให้ “ราคาห้องพักและแพกเกจแพงขึ้น” จากปัจจัยเพิ่มขึ้นจาก เงินเฟ้อค่าพลังงาน ค่าจ้างแรงงาน ปัจจัยเหล่านี้จะไม่สามารถทำให้การท่องเที่ยวชะลอตัวได้ เนื่องจากคนไทยที่มีกำลังซื้อสูงยังพร้อมจะเดินทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไป

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen