ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 526 จุด ตลาดคลายกังวลเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีดตัว



. นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นสะสม คลายกังวลเศรษฐกิจชะลอทุบผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

.ผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทไนกี้ และเฟดเอ็กซ์ ทำตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาคึกคัก

.ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้น คนใช้จ่ายตลาดเริ่มคลายกังวลเงินเฟ้อพุ่งไม่หยุด

ชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 21 ธ.ค. ที่ 33,376.48 จุด พุ่งขึ้น 526.74 จุด หรือ +1.60%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,878.44 จุด เพิ่มขึ้น 56.82 จุด หรือ +1.49% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 10,709.37 จุด เพิ่มขึ้น 162.26 จุด หรือ +1.54

ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 108.3 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 100.5 จากระดับ 101.4 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้รับปัจจัยบวกจากการที่ผู้บริโภคคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ

โดยดัชนีการคาดการณ์เงินเฟ้อในช่วง 12 เดือนข้างหน้าของผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับ 6.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2564 จากระดับ 7.1% ในการสำรวจเดือนพ.ย. ส่งผลให้นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นสะสม หลังในช่วงที่ผ่านมาดัชนีราคาหุ้นลดลงมาก จากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) นอกจากนั้น การประกาศผลประกอบการที่ดีมากของบริษัทไนกี้ และเฟดเอ็กซ์ ยังช่วยคลายกังวลภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอลงได้อีกด้วย

หุ้นไนกี้ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 12.19% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2566 เพิ่มขึ้น 17% สู่ระดับ 1.332 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.257 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากความต้องการรองเท้ากีฬาและอุปกรณ์กีฬาที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ซึ่งช่วยชดเชยยอดขายที่ลดลงในประเทศจีน

หุ้นเฟดเอ็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุและสินค้าระหว่างประเทศรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.43% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2566 ที่ระดับ 3.18 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.82 ดอลลาร์/หุ้น ขณะเดียวกันเฟดเอ็กซ์ประกาศแผนลดต้นทุนเพิ่มอีก 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการปิดสำนักงานบางแห่งที่มีดีมานด์ลดลง

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.89% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดีดตัวขึ้นขานรับตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวลดลงมากกว่าคาด โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.28% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.19% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 3.23% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 3.22%

หุ้นเอเอ็มซี เอนเตอร์เทนเมนท์ โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเครือโรงภาพยนตร์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 4.3% หลังจากบริษัทตัดสินใจระงับการเจรจาซื้อกิจการซีนีเวิลด์ กรุ๊ป (Cineworld Group) ซึ่งเป็นเครือโรงภาพยนตร์ที่มีสาขามากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยซีนีเวิลด์ กรุ๊ปได้ยื่นคำร้องต่อศาลสหรัฐเพื่อขอการพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลายตามกฎหมายมาตรา 11 เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา หลังจากบริษัทประสบปัญหาหนี้สิน

อย่างไรก็ตาม ยอดขายบ้านมือสองร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีในเดือนพ.ย. โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองดิ่งลง 7.7% สู่ระดับ 4.09 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.17 ล้านยูนิต ส่วนเมื่อเทียบเป็นรายปี ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 35.4% ในเดือนพ.ย.

ตลาดที่อยู่อาศัยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง อย่างไรก็ดี นักลงทุนมีความหวังว่าข้อมูลดังกล่าวจะสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี PCE จะบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว