ททท.ทุบสถิติใหม่สิ้นปี’65 ต่างชาติเที่ยวไทย 11.5 ล้านคน ปี’66 ทั่วโลกทัวร์ไทย All Year Round-ในประเทศ ชู 2 โปรเจกต์



  • ททท.ทุบสถิติใหม่สิ้นปี’ 65 ดึงต่างชาติเที่ยวไทย 11.5 ล้านคน ปี’66 ปรับรายได้ขยับเป็น 2.4 ล้านล้านบาท
  • รอ “จีน”เที่ยวได้ปีหน้าดันยอดแตะเกินเป้า 30 ล้านคน ติดเทอร์โบ ททท.ทั่วโลก 29 สำนักงานอัดแคมเปญเพิ่มทุกพื้นที่ เอเชีย อาเซียน ยุโรป อเมริกา
  • โหมจุดขายไทยเที่ยวได้ทั้งปี All Year Round Destination ลุยเก็บคะแนน MOU เทรดโชว์ โร้ดโชว์
  • ตลาดมาแรง “ซาอุดิอาระเบีย” สดใสทั้งเที่ยวบินและการลงทุน ส่วน “ทูร์เคีย/ตุรกี”เชื่อมฮับบินใหม่ยุโรปตะวันออกกลาง เข้าไทย
  • “ตลาดในประเทศ” งัด 2 โปรเจกต์ “เที่ยวด้วยกัน เฟส 5” พลังอุดไทยเที่ยวนอกช่วงสงกรานต์ และรุก “ฟื้นเศรษฐกิจไทย” ด้วยท่องเที่ยว

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า หลังสร้างความสำเร็จส่งการบ้านรัฐบาลเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2565 โดยจัดฉลองต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทยครบ 10 ล้านคนคาดภายในอีก 1 เดือนนี้จะทำสถิติรวมตลอดปีนี้ใหม่ให้ได้ถึง 11.5 ล้านคน ซึ่งจะเป็นแรงส่งสำคัญสร้างโมเมนตั้มทำให้ปี 2566 มีรายได้ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศกลับมาประมาณ 80 % หรือคิดเป็น 2.4 ล้านล้านบาท

“ตลาดต่างประเทศ” ปี 2566 ยังคงยึดเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวเที่ยวไทยต้องไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน โดยช่วงไตรมาสแรกปีหน้ายังอยู่ในช่วงตารางบินฤดูหนาว มี “จำนวนที่นั่งเที่ยวบินระหว่างประเทศ” สูงไปจนสิ้นสุดตารางบินนี้ในวันที่ 31 มีนาคม 2566 มอบนโยบายให้ ททท.ทั่วโลก 29 แห่ง “อัดแคมเปญ” เพิ่มเติม โดยจับมือกับเอเย่นต์และพันธมิตรท่องเที่ยวในแต่ละประเทศ ประกอบด้วย

“ภูมิภาคเอเชีย” กำลังเดินหน้ารุกเจาะ ตลาดญี่ปุ่นด้วยแคมเปญ “อิมาโคโสะ ไดเอะ-เที่ยวเมืองไทยมาได้ไม่ต้องรอ” ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  ตลาดไต้หวัน ทำแคมเปญ“ไท่กั๋ว หว่อไล่เหล-มาเที่ยวเมืองไทยกันเถอะ”

“อาเซียน” พื้นที่หลักมาเลเซีย ทำแคมเปญ Thanks to Million ถึงแม้ตอนนี้จะเดินทางเข้าประเทศไทยมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ททท.ก็ยังต้องกระตุ้นให้เกิดการเดินทางอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นต่อไป

“ยุโรป” เข้าร่วมงาน FITUR 2023 ประเทศสเปน จะนำเอกชนไทยเข้าร่วมเจรจาธุรกิจเดือนมกราคม 2566 ต่อเนื่องด้วยงาน ITB Berlin 2023 ที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน จะนำผู้ประกอบการไปร่วมมหกรรมซื้อขายการท่องเที่ยวรายการใหญ่สุดของโลกต้นเดือนมีนาคม 2566

“อเมริกา” จัดทำโครงการ Amazing Thailand Experience Forum 2023 ตอบสนองที่แอร์ แคนาดา เปิดเที่ยวบินประวัติศาสตร์ ไป-กลับ ไทยกับแคนาดา ร่วมกับมีโครงการอื่นด้วย เช่น Thailand and The Air ทำให้มีนักท่องเที่ยวอเมริกา แคนาดา เดินทางเข้าไทยต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกปี 2566

ส่วนการใช้กลยุทธ์ต่อเนื่อง ทำข้อตกลงความร่วมมือ จัดโรดโชว์ เทรดโชว์ ท่องเที่ยวตามประเทศต่าง ๆ มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 จนถึงปัจจุบันนั้น ตัวอย่าง “เอ็มโอยูกับญี่ปุ่น” พร้อมทั้งมอบหมายให้ ททท.3 สำนักงานในโตเกียว โอซาก้า ฟูกูโอกะ ทำเต็มที่โดยตั้งเป้ารักษาระดับตัวเลขปี 2566 ซึ่งมีส่วนต่างญี่ปุ่นและไทยให้ใกล้เคียงปี2562 ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาไทย 1.8 ล้านคน และคนไทยไปญี่ปุ่นประมาณ 1.3 ล้านคน

ล่าสุดไปโร้ดโชว์ที่ “ซาอุดิอาระเบีย” ถือเป็นตลาดใหม่น่าสนใจอย่างยิ่ง ต้องขอบคุณรัฐบาลไทยได้ไปฟื้นฟูความสัมพันธ์กลับมาในรอบ 32 ปี ทำให้ ททท.ได้ลงนามเอ็มโอยูกับสายการบิน “ซาอุเดีย แอร์ไลน์ส” เริ่มมาตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ปัจจุบันมีอัตราบรรทุกผู้โดยสารบินได้ถึง 90 % และมีชาวซาอุดิอาระเบียมาไทยแล้วกว่า 91,000 คน แนวโน้มปีหน้าจะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2 เท่า

ททท.ให้ความสำคัญกับตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งมีศักยภาพ โดยเฉพาะ “ซาอุดิอาระเบีย” เตรียมศึกษาเปิดสำนักงานททท.แห่งใหม่ ในริยาดห์เมืองหลวง หรือเจดะห์เมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ต้องรอการพิจารณาจากคณะกรรมการ(บอร์ด) ททท. เนื่องจากเป็นตลาดที่มีจุดเด่น เรื่องแรก มีประชากรมากกว่าหลายประเทศในตะวันออกกลาง เรื่องที่ 2 การเดินทางเที่ยวจะเริ่มพฤษภาคม-สิงหาคม ของทุกปี ช่วยเติมรายได้โลว์ซีซันที่ยุโรปกลับไปเกือบหมดแล้วได้

ส่วนโร้ดโชว์ใน “ตุรกีหรือตูรเคีย” ททท.ได้ทำเอ็มโอยูกับ “เตอร์กีส แอร์ไลน์ส” ซึ่งมีความแข็งแกร่งเป็น “จุดเชื่อมต่อเที่ยวบินตลาดยุโรปเข้าไทย” ได้เป็นอย่างดี ทางตูรเคียมีแผนปี 2567 จะขยายสนามบินนานาชาติรองรับผู้โดยสารเพิ่มได้สูงสุด 200 ล้านคน ได้รับปากจะช่วยเพิ่มจุดบินเข้าไทย ทั้งภูเก็ต และบินตรงเข้าเชียงใหม่ด้วย

ซึ่งเป็นผลมาจาก ททท.ทำตลาดเชิงรุกก่อนด้วยกลยุทธ์ด้วยการลงนาม LOI -Letter of Intent ทำ MOU -Memorandum of Understand กับสายการบินและบริษัทท่องเที่ยวให้ความสนใจนำนักท่องเที่ยวเข้ามายังเมืองไทย

ปี 2566 จึงตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างประเทศมาไทยไม่น้อยกว่า 20 ล้านคน หรือหากจีนเปิดประเทศอาจจะทำได้กว่า30 ล้านคน สัดส่วนตลาดใหญ่สุดตั้งเป้าเน้น “เอเชีย” ไว้ 13-22 ล้านคน ส่วน “ยุโรป” จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยประมาณ 5-8 ล้านคน

ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า “การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน” ประเทศไทยคงจะต้องแข่งขันกับตัวเอง โดยนำ1.จำนวนที่นั่งเที่ยวบินระหว่างประเทศจากทั่วโลกกลับมาให้ได้มากที่สุด ในตารางบินฤดูหนาว 1 ตุลาคม 2565-31 มีนาคม 2566 ทำได้แล้วถึง 74 % แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เมื่อวิเคราะห์ “ราคาตั๋วเครื่องบิน” ยังคงสูงอยู่ ดังนั้นโจทย์ตอนนี้มอบนโยบายให้ ททท.ต่างประเทศ 29 สำนักงาน รวมในสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย ต้องทำให้ได้ 3 โจทย์ใหญ่

โจทย์ที่  1 นำ “จำนวนที่นั่งเที่ยวบิน” กลับมาในปี 2566 ให้ได้เกินกว่า 80 % ของปี 2562

โจทย์ที่ 2 ต้องวางกลยุทธ์โดยใช้เทคนิคทางการตลาดเต็มรูปแบบ ที่จะทำให้สายการบินต่าง ๆ มั่นใจที่จะเปิดบินประจำแบบไป-กลับ ในระยะยาว โดยมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย 90 %

โจทย์ที่ 3 ปลดล็อกให้ทั่วโลกเที่ยวเมืองไทยได้ตลอดทั้งปีแบบ All Year Round Destination โดยไม่ต้องรอให้ถึงฤดูเดินทาง เช่น วันหยุดอีสเตอร์ เมษายน หรือซัมเมอร์ตั้งแต่พฤษภาคม และวินเทอร์เริ่มพฤศจิกายน ของทุกปี จะนำนักท่องเที่ยว “คุณภาพและมีกำลังซื้อสูง” เข้าประเทศตามนโยบายรัฐบาลให้ได้ถึง 80 %

สถานการณ์ช่วงปีใหม่ 2566 จะมี “จำนวนที่นั่งเที่ยวบินระหว่างประเทศ” เพิ่มจากระยะใกล้ “แถบเอเชีย” เข้ามามากที่สุดเพราะเดินทางได้ง่าย ส่วน “ยุโรป” มีบ้างโดยมากับเที่ยวบินต่อเครื่องเข้าสิงคโปร์มาไทย เริ่มปลายปีนี้จะมี“เที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter flight) เพิ่มขึ้น เช่น มีชาเตอร์จากรัสเซียมาลงสนามบินอู่ตะเภา ทำให้ตอนนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียเข้าไทยมากถึงวันละ 5,000 คน

ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์ “ตลาดในประเทศ” ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะมอบ “ของขวัญปีใหม่” กระตุ้นการท่องเที่ยววันหยุดยาวและท่องเที่ยวต่อเนื่องหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย จะชู 2 โครงการ ได้แก่ โครงการแรก “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” จำนวน 1.5 ล้านสิทธิ์ หรือ 1.5 ล้านห้อง โดยปรับสิทธิประโยชน์เล็กน้อย ให้เฉพาะ จองโรงแรมรับเงินอุดหนุนค่าห้องพักจากรัฐบาล 40 % กับคูปองรายวัน ส่วนตั๋วเครื่องบินจะได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายเพราะสายการบินต่าง ๆ ทำโปรโมชั่นได้จุใจกว่า

ส่วนกรอบเวลาใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ถ้าคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ จะต้องใช้เวลาเปิดดำเนินการลงทะเบียนสำหรับผู้จองครั้งแรกประมาณ 30-45 วัน แต่สิ่งที่ต้องการคือจะให้ใช้สิทธิ์ครอบคลุมถึงเดือนเมษายน 2566 เพื่อดึงดูดใจคนไทยเที่ยวในประเทศมากกว่าเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ เพื่อช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจ เที่ยวเมืองไทยช่วงสงกรานต์เพิ่มมากขึ้น

โครงการที่ 2 “ฟื้นเศรษฐกิจด้วยท่องเที่ยว” จะเข้าไปจัดกิจกรรมเพิ่มดีมานต์เดินทางท่องเที่ยว  ปี 2566 จะได้เกินกว่าเพราะมกราคม-พฤศจิกายน ปีนี้ก็ทำไปได้แล้ว 172 ล้านคน-ครั้ง ทะลุเกินกว่าปี 2562 ทำไว้เพียง 172 ล้านคน-ครั้งเท่านั้น

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen