ช่วงเวลาใกล้สิ้นปีแบบนี้ ผู้ที่มีหน้าที่จ่ายภาษีเงินได้ในปีหน้า ก็ต้องมองหากองทุนรวมเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีกัน ทำให้กองทุนรวมประเภท SSF และ RMF ขายดิบขายดี ทั้งที่จริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอมาซื้อแบบซัดตูมเดียวเอาตอนใกล้หมดปี เราสามารถทยอยซื้อสะสมแบบ DCA กันได้ตั้งแต่ต้นปี ไม่มีใครห้ามนะ
อย่างไรก็ตาม การซื้อกองทุนทั้งสองแบบนี้จำเป็นต้องมีการศึกษาเงื่อนไขต่างๆ ให้ดีเสียก่อน เพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องภาษี ผู้ลงทุนจึงต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขให้ถูกต้อง เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาให้ต้องวุ่นวายกันทีหลัง
ทีนี้ เราจะมาพูดถึงว่า จะเลือกซื้อกองไหนดีนั้น เพราะแต่ละกองทุนก็มีนโยบายลงทุนไม่เหมือนกัน ผู้ลงทุนต้องศึกษาหาข้อมูล และเลือกกองทุนที่เหมาะกับเป้าหมายด้านผลตอบแทนที่เราต้องการและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
เพราะ SSF และ RMF เป็นกองทุนที่ต้องลงทุนระยะยาวตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร กองทุน SSF ก็ต้องถือไว้อย่างน้อย 10 ปี ส่วนกองทุน RMF เองต้องซื้อต่อเนื่องจนถึงอายุ 55 ปี และถือให้ครบ 5 ปี ถึงจะไม่ผิดเงื่อนไขได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
ดังนั้น ผู้ลงทุนต้องมองการลงทุนในระยะยาว และเลือกสินทรัพย์ที่สามารถเติบโตได้ในระยะยาว หมายความว่า ถ้าเลือกกองทุนถูกประเภท ก็จะทำให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีเมื่อกองทุนที่เราถือนั้นครบอายุนั่นเอง
เว็บ SETINVESTNOW ของตลาดหลักทรัพย์ฯ รวบรวมสถิติผลตอบแทนกองทุนของทั้งสองแบบไว้เป็นข้อมูลลงทุนที่น่าสนใจว่า ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงมากขึ้นแบบนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยของทุกประเทศค่อย ๆ ทยอยปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้สินทรัพย์ลงทุนเกือบทุกชนิดปรับตัวลดลง ทำให้การลงทุนช่วงนี้ค่อนข้างยาก
แต่ในระยะยาว ยังมีกองทุน SSF/RMF ที่สามารถลงทุนและให้ผลตอบแทนได้ดีอยู่ 3 กลุ่มได้แก่ 1.กองทุนหุ้นในกลุ่มสุขภาพ หรือ กองทุน Healthcare เป็นกองทุนที่มีความแข็งแรงทางธุรกิจ เป็นบริการ/สินค้าที่จำเป็นสำหรับทุกคน ทำให้ทนทานต่อช่วงเศรษฐกิจถดถอย ค่ารักษาพยาบาลนั้นก็ยังคงปรับตัวตามเงินเฟ้อได้ รวมถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ กองทุนประเภทนี้สามารถเติบโตขึ้นอีก
2. กองทุนหุ้นโลก ที่น่าสนใจลงุทน เพราะเป็นกองทุนที่มีหุ้นที่หลากหลาย และช่วยกระจายความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี แม้ว่าการเติบโตอาจจะไม่สูง เพราะเป็นการกระจายการลงทุนไปยังหุ้นทั่วโลก แต่การเติบโตระยะยาวส่วนใหญ่จะมีแนวโน้มที่ดี เพราะตามหลักการแล้ว ตลาดหุ้นจะเติบโตไปกับการบริโภค และการใช้สินค้าและบริการ ดังนั้น เมื่อดูตัวเลข GDP เศรษฐกิจโลกจะค่อย ๆ เติบโตตามจำนวนประชากร และธุรกิจทั่วโลกที่เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป
และ 3. กองทุนตลาดเงิน (Money Market Fund) ช่วงที่ตลาดหุ้นไม่เป็นใจ นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนกองทุนตลาดเงิน แม้ว่าผลตอบแทนไม่สูง แต่ปลอดภัย เน้นซื้อเพื่อลดหย่อนภาษีไปก่อน รอให้พ้นภาวะที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น แล้วค่อยกลับมาลงทุนในกองทุนหุ้น SSF/RMF ทีหลัง ก็ไม่เสียหายอะไร
รู้แบบนี้แล้ว คงช่วยให้การเลือกซื้อกองทุน SSFหรือ RMF เป็นเรื่องง่ายขึ้น แต่ถ้ายังคิดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ก็เข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.setinvestnow.com
ไปติดอาวุธความรู้เรื่องการลงทุน SSF-RMF และวางแผนภาษีอย่างถูกวิธี เรียนรู้ได้ตลอดเวลาและ ฟรี ค่ะ!