

- บุคลากรบุคลากรฝ่ายสิทธิมนุษยชน
- ต้องพ้นจากตำแหน่ง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 ต.ค. อ้างอิงจากเนื้อหาส่วนหนึ่งของอีเมลที่ส่งภายในบริษัททวิตเตอร์ ว่าการปลดพนักงานครอบคลุมสัดส่วนประมาณ 50% หรือคิดเป็นประมาณ 3,700 คน จากสำนักงานทุกแห่งทั่วโลก ซึ่งปิดชั่วคราวตลอดวันศุกร์ โดยฝ่ายที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ วิศวกรรม การสื่อสาร การผลิต การสร้างสรรค์คอนเทนต์ และจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวภายในทวิตเตอร์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า “บุคลากรทั้งหมด” ในฝ่ายงานด้านสิทธิมนุษยชน ต้องพ้นจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีนักธุรกิจหมายเลขหนึ่งของโลก ซื้อกิจการทวิตเตอร์อย่างเบ็ดเสร็จ เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ด้วยราคา 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 1.63 ล้านล้านบาท ) โดยการเทคโอเวอร์กิจการดังกล่าวเป็นไปตามคำสั่งศาล และจนถึงตอนนี้ มัสก์ยังคงกล่าวว่า “แพงเกินไป” และ “จำเป็น” ต้องดำเนินการหลายอย่าง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
นอกจากการปลดคณะผู้บริหารชุดเดิมออกทั้งหมด ตามด้วยการยุบบอร์ดบริหาร ส่งผลให้มัสก์เป็นเจ้าขององค์กรเพียงคนเดียว ขณะเดียวกัน มัสก์มีแผนยกเลิกนโยบาย “Work From Anywhere” ซึ่งหมายถึง การปฏิบัติงานจากที่ใดก็ได้ เพื่อให้พนักงานที่ยังคงปฏิบัติงานนอกออฟฟิศ กลับเข้ามาทำงานในสำนักงาน ทว่าเรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจนอย่างเป็นทางการในวันปลดพนักงาน ส่วนสื่อท้องถิ่นหลายแห่งรายงานว่า มัสก์อาจกำหนด “เงื่อนไขยกเว้นในบางกรณี” สำหรับการทำงานในและนอกออฟฟิศ
ในอีกด้านหนึ่ง บริษัทชั้นนำของโลกหลายแห่งทยอยประกาศระงับความร่วมมือโฆษณากับทวิตเตอร์ ขณะที่มัสก์กล่าวถึงเรื่องนี้เพียงว่า นโยบายของเขาในการปรับโครงสร้างของทวิตเตอร์ “ไม่เปลี่ยนแปลง” เพื่อปกป้อง “สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความเห็นของพลเมือง”.