ดาวโจนส์ผันผวน ติดลบกว่า 200 จุด ติดตามผลการประชุมเฟด



  • ดาวโจนส์ปรับขึ้นแรงในช่วงเปิดตลาด จากผลประกอบการไฟเซอร์ และอูเบอร์ที่ดีกว่าคาด
  • มีแรงเทขายหุ้นออกมา ทำให้ตลาดผันผวนและลดลงในแดนลบ กังวลภาพรวมเศรษฐกิจ
  • นักลงทุนจับตาผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,527.64 จุด ลดลง 205.31 จุด หรือ -0.63% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 10,918.77 จุด ลดลง 69.37 จุด หรือ -0.63% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,851.25 จุด ลดลง 20.73 จุด หรือ -0.54%

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มประชุมแล้วในวันนี้ และจะมีผลการตัดสินใจในวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดมองว่าเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว รวมทั้งเริ่มเห็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 4% ในวันนี้

ตลาดได้แรงหนุนให้ปรับขึ้นในช่วงแรก จากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทไฟเซอร์ และอูเบอร์ โดย ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 3 โดยได้แรงหนุนจากการจำหน่ายยา Paxlovid ซึ่งเป็นยารักษาโรคโควิด-19

ทั้งนี้ ไฟเซอร์มีรายได้ 2.26 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ซึ่งแม้ต่ำกว่าระดับ 2.40 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.10 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ไฟเซอร์ปรับเพิ่มประมาณการรายได้ทั้งหมดในปีนี้ สู่ระดับ 9.95 หมื่นล้านดอลลาร์-1.02 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.97 หมื่นล้านดอลลาร์

ด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 50.2 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2563 แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 50.0 จากระดับ 50.9 ในเดือนก.ย.

อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน