เปิดที่มาการประชุมบอร์ดกสทช.นัดพิเศษ​วันนี้(20ต.ค.) ชี้ชะตา ควบรวบ“ทรู-ดีแทค”



  • ลุ้นบอร์ดกสทช.อีกเฮือก! มีอำนาจ-ไม่มีอำนาจ
  • เคาะไม่เคาะ ควบรวบกิจการ “ทรู-ดีแทค”
  • กังขาบอร์ดเดินทางต่างประเทศจนมีวาระรอพิจารณาเพียบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.30 น. วันนี้ (20 ต.ค.)​ จะมีการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)​นัดพิเศษ​เพื่อพิจารณาควบรวบกิจการระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค หลังจากที่ปรึกษาอิสระจากต่างประเทศ  คือ SCF Associates Ltd. ได้ส่งผลการศึกษาให้บอร์ดกสทช.ได้ศึกษารายละเอียดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

ทั้งนี้การพิจารณาครั้งนี้ จะมีการหารือกันถึงประเด็นว่า กสทช.มีอำนาจหรือไม่อำนาจก่อน สืบเนื่องจากการประชุมครั้งก่อนได้มีมติ 3: 2  ให้นำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาในวันนี้ (20 ต.ค.)​ โดย 3 เสียงในวันนั้น ได้แก่ ศาสตราจารย์ พิรงรอง รามสูต ,รองศาสตราจารย์ ศุภัช ศุภชลาศัย พลอากาศโท ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ  ส่วนอีก 2 เสียง ศาสตราจารย์คลินิก สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ และ นายต่อพงศ์ เสลานนท์  

และ 2 เสียง ที่ได้แสดงจุดยืนมาโดยตลอดว่า กสทช.มีอำนาจพิจารณาเรื่องควบรวบ คือ  ศาสตราจารย์ พิรงรอง   ,รองศาสตราจารย์ ศุภัช ส่วนอีก 2 เสียง ที่แสดงจุดยืนว่า กสทช.ไม่มีอำนาจ คือ ศาสตราจารย์คลินิก สรณ และ นายต่อพงศ์  ขณะที่ พลอากาศโท ธนพันธุ์  ไม่แสดงความเห็นกรณีดังกล่าวมาโดยตลอด  

ดังนั้นต้องเกาะติดว่าที่ประชุมวันนี้ จะถกประเด็นเรื่องการมีอำนาจอีกหรือไม่ และอาจมีประเด็นอื่นๆ มาพิจารณาอีกหรือไม่ 

ทั้งนี้ประเด็นมีอำนาจหรือไม่มีอำนาจ เป็นความเห็นต่างกัน แต่ประเด็นที่กรรมการกสทช. ทั้ง 5 คน ต่างเห็นพ้องต้องกัน คือ กสทช.ต้องทำแผนเยียวยาผู้ใช้บริการ ดังนั้นต้องเกาะติดและลุ้นการประชุมว่าจะมีผลออกมาเป็ยนอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้วิเคราะห์วิจารณ์กันถึงกรณีการควบรวบดีแทคและทรู ที่ยืดเยื้อมานาน 9 เดือนนั้น เป็นผลมาจากทุกฝ่ายต้องการข้อมูลรอบด้าน ก่อนตัดสินใจ เพราะการตัดสินด้านใดด้านหนึ่ง ก็มีคนพอใจและไม่พอใจ และมีผลทางกฎหมาย ที่จะถูกฟ้องร้องในอนาคตด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบและมีกฎหมายอ้างอิงความถูกต้องในแนวทางของตัวเอง หากถูกฟ้อง ต้องนำหลักฐาน และความเห็นต่างๆ ไม่ชี้แจงต่อศาลตามลำดับต่อไป  

ขณะเดียวกันต้องใช้เวลานานในการพิจารณา เนื่องจากกรรมการกสทช. มีวาระเดินทางไปต่างประเทศ ตลอด 6  เดือนที่ผ่านหลังเข้ารับตำแหน่ง ผลัดกันเดินทางทุกเดือน ส่งผลให้วาระสำคัญหลายเรื่อง ไม่ได้นำเข้าสู่วาระการพิจารณา เนื่องจากประธานกสทช. ไม่ได้มอบหมายให้กรรมการกสทช.คนอื่น ลงนามบรรจุวาระเข้าที่ประชุม ถึงแม้บางครั้งจะมีการประชุมผ่านระบบออนไลน์มจากต่างประเทศก็ตาม ทำให้เรื่องต่างๆ ได้รับการพิจารณาแต่อย่างใด เสมือนภารกิจของกสทช.ไม่มีผลงานโดดเด่น จนถูกครหาว่าไม่ทำงาน และไม่ผลงานตลอด 5 เดือน