พาณิชย์ย้ำปุ๋ยเคมีเต็มโกดังเพียงพอความต้องการใช้



  • ล่าสุดสต๊อกมีมากถึง 1.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 56%
  • ส่วนราคาในประเทศลดลงตามราคาตลาดโลก
  • เดินหน้าคุมเข้มผู้ค้าห้ามฉวยโอกาสขายแพงเกินจริง

ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานของผู้นำเข้าและผู้ผลิตปุ๋ยเคมีรายใหญ่ 2 ราย ได้แก่ บริษัท เทอราโกร เฟอร์ติไลเซอร์ จำกัด และบริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี จำกัด (มหาชน) ไม่พบการกักตุนหรือการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการพ.ศ.2542 โดยปริมาณสต็อกปุ๋ยเคมี ทั้งสูตรหลักและสูตรทางเลือก มีเต็มโกดังของทั้งสองรายรวมกว่า 100,000 ตัน หรือกว่า 2 ล้านกระสอบ สามารถผลิตและจำหน่ายได้ถึงต้นปีหน้า ส่วนราคาลดลงมาเมื่อเทียบกับช่วงกลางปีที่ผ่านมา  

“ขอให้เกษตรกรมั่นใจได้ว่าจะมีปุ๋ยใช้อย่างเพียงพอ เพราะกระทรวงพาณิชย์ ได้เชื่อมโยงการซื้อปุ๋ยจากแหล่งผลิตสำคัญ เช่น ซาอุดิอาระเบีย ได้ 425,000 ตัน ทำให้ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สต็อกปุ๋ยทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 ล้านตันจาก 900,000 ตันช่วงสิ้นไตรมาสแรก หรือเพิ่มขึ้น 56% ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาระหว่างผู้ผลิตผู้จำหน่าย ประกอบกับ ราคาปุ๋ยเคมีตลาดโลกลดลง ทำให้ราคาปุ๋ยเคมีในประเทศปรับลดลงแล้วแม้ราคาปุ๋ยยังอยู่ระดับสูง เช่น ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) ซึ่งใช้กันมากที่สุด ราคาลดลง 18-20% และปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต (21-0-0) ซึ่งนิยมใช้ปลูกปาล์มน้ำมัน ราคาลดลง 25%”  

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ จะเจรจากับประเทศที่เป็นแหล่งผลิตปุ๋ยเคมีต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงการซื้อปุ๋ยเพิ่มเติมอีก เช่น จีน ที่คาดว่าจะเปิดประเทศมากขึ้นหลังโควิด-19 คลี่คลาย เพื่อช่วยลดต้นทุนปุ๋ยเคมีให้แก่เกษตรกร ขณะเดียวกัน กรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ จะยังคงติดตามและกำกับดูแลสถานการณ์ปุ๋ยทุกสัปดาห์ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการฉวยโอกาสจำหน่ายในราคาสูงเกินสมควร ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  

พร้อมกับขอความร่วมมือสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย และสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร ร่วมสอดส่องดูแล และกำชับตัวแทนจำหน่ายให้ขายปุ๋ยเคมีในราคาที่สอดคล้องกับต้นทุน ห้ามฉวยโอกาสขายแพงเกินสมควร หากพบการฉวยโอกาสจะถูกเพิกถอน หรือระงับการเป็นตัวแทนจำหน่าย กรณีเกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องเรียนมาที่สายด่วนกรมโทร. 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด จะมีการตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่