- หลังราคาตลาดโลกลดลงตามราคาพลังงานที่ลดลง
- ปุ๋ยยูเรียลดแล้ว 20% เหลือกระสอบละ 1.3 พันบาท
- จี้ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว เอเย่นต์ลดราคาขายปลีกก่อนโดนโทษหนัก
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือถึงสถานการณ์ปุ๋ยเคมีร่วมกับสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย และสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร ว่าขณะนี้ ปุ๋ยเคมี โดยเฉพาะปุ๋ยยูเรีย ที่เกษตรกรใช้กันมาก ราคาปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ค.65 ที่ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดถึงกระสอบละประมาณ 1,600 บาท จนถึงปัจจุบัน ราคาลดลงแล้วประมาณ 20% มาอยู่ที่กระสอบละ 1,300 บาท จึงขอความร่วมมือสมาคมต่างๆ กำชับไปยังยี่ปั๊ว ซาปั๊ว และเอเย่นต์จำหน่ายปุ๋ยเคมี ให้ขายในราคาสอดคล้องกับต้นทุนที่ลดลง ห้ามฉวยโอกาสขายแพงกว่าต้นทุน
“สมาคม และผู้ผลิตปุ๋ยเคมี ยืนยันว่าราคาปุ๋ยเคมีตลาดโลก ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง และจะช่วยกำชับยี่ปั๊ว ซาปั๊ว และเอเย่นต์ลดราคาให้สอดคล้อง เพราะปุ๋ยที่ออกจากโรงงานได้ลดราคาลงแล้ว ปลายทางก็ต้องลดราคาลงด้วย โดยกรมจะลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างใกล้ชิด หากพบฉวยโอกาส ไม่ปรับลดราคาให้สอดคล้องกับต้นทุน จะดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ด้านนายกองเอก เปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย กล่าวว่า ปัจจุบันปุ๋ยยูเรียปุ๋ยโพแทส และปุ๋ยฟอสเฟต ไม่มีปัญหาขาดแคลน เพราะนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยประสานกับผู้ผลิตปุ๋ยในซาอุดิอาระเบีย จำหน่ายปุ๋ยให้ไทยในราคาพิเศษ ซึ่งเกษตรกรมั่นใจได้ว่า ฤดูกาลผลิตที่จะถึงนี้ จะมีปุ๋ยเพียงพออย่างแน่นอน
ส่วนราคาจำหน่าย ปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่อง สมาคมพร้อมร่วมมือกับกรมการค้าภายใน ในการกำชับให้สมาชิกปรับลดราคาลงมาให้สอดคล้องกับต้นทุนที่ลดลง เพื่อไม่ให้เกษตรกรถูกเอาเปรียบ และคาดว่า ราคาปุ๋ยในระยะต่อไปจะไม่รุนแรงเหมือนที่ผ่านมา เพราะขณะนี้ ทางฝั่งยุโรป ไม่ได้เป็นฤดูกาลเพาะปลูก ทำให้ปริมาณปุ๋ยมีเกินความต้องการ แต่ยังต้องจับตาสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ที่ยังยืดเยื้อ และอาจมีผลกระทบต่อราคาก๊าซธรรมชาติ ที่เป็นที่มาของปุ๋ยเคมี อาจจะทำให้ปุ๋ยเคมีราคาสูงขึ้น อีกทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามาก จะทำให้ต้นทุนการนำเข้าปุ๋ยสูงขึ้น
