ดาวโจนส์ร่วงต่อกว่า 240 จุด ซึมต่อไร้ความหวังใหม่กระตุ้นดัชนี



.ตลาดหุ้นสหรัฐยังวนเวียนอยู่ในความกังวลดอกเบี้ยเร่งขึ้น-เศรษฐกิจถดถอย
.สถิติชี้ว่า เดือน ก.ย.นี้จะเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวย่ำแย่ที่สุดของปี
.นักลงทุนเทขายหุ้น จับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.พรุ่งนี้

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 31,265.17 จุด ลดลง
ต่อเนื่องอีก 245.26 จุด หรือ -0.78% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,566.07 จุด ลดลง 250.14 จุด หรือ -2.12% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,908.38จุด ลดลง 46.62 จุดหรือ -1.18%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงร่วงลงต่อเนื่อง หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 232,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 245,000 ราย

ทั้งนี้ นักลงทุนเทขายหุ้นต่อเนื่อง รอข่าวดีใหม่ๆ ที่จะเข้ามา โดยจับตาการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ในวันพรุ่งนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานดังกล่าวเพิ่มขึ้นเพียง 300,000 ตำแหน่ง หลังจากพุ่งขึ้น 528,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค.

อย่างไรก็ตาม ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังอยู่ในภาวะกังวลต่อผลกระทบการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 74.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 26.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%

สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยประเภทอายุ 2 ปีที่ทะยานขึ้นแตะ 3.516% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2550

นอกจากนั้น เศรษฐกิจที่ชะลอตัวยังสะท้อนจากสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 2% หลุดระดับ 88 ดอลลาร์ในวันนี้ โดยถูกกดดันจากการที่จีนประกาศล็อกดาวน์ในหลายเมืองเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งจะกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันในจีน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย

ขณะเดียวกัน สถาบันวิจัย CFRA ซึ่งเป็นสถาบันวิเคราะห์วิจัยระดับโลกออกรายงานระบุว่า สถิติบ่งชี้ว่า เดือนกันยายนเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวย่ำแย่ที่สุดของปี

ทั้งนี้ นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ดัชนี S&P 500 ร่วงลงเฉลี่ย 0.56% ในเดือนกันยายน และปรับตัวลง 56% สำหรับตลอดการซื้อขายในเดือนดังกล่าว

นอกจากนี้ CFRA ชี้ว่า ปีนี้ซึ่งเป็นปีที่มีการเลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐ จะทำให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยิ่งมีแนวโน้มดิ่งลงในเดือนกันยายน เนื่องจากนักลงทุนมักทำการเทขายหุ้นอย่างหนักในเดือนกันยายนและตุลาคมในปีเลือกตั้ง ก่อนที่จะกลับเข้าซื้อหุ้นในไตรมาส 4