

- “กลุ่มดุสิตธานี” ดึงยักษ์ใหญ่ OR ร่วมทุน ‘ดุสิตฟู้ดส์’ 25%
- ผนึก 2 แบรนด์ไทย กอดคอดันธุรกิจอาหารผงาดผู้นำ เล็งใช้รีเทลแพลตฟอร์ม
- ลุยตลาดทั่วไทยผ่านช่องทางปั๊ม PTT Station กว่า 2,500 แห่ง คาเฟ่อะเมซอนอีกกว่า 4,000 แห่ง
- ด้าน OR ยันพร้อมเพิ่มจุดแข็งร่วมพันธมิตรสร้างความยั่งยืน เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า ได้จับมือกับ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR นำ “มอดูลัส เวนเจอร์” บริษัทย่อยของ OR เข้าลงทุนถือหุ้นใน “ดุสิตฟู้ดส์” 25% บริษัทย่อยของกลุ่มดุสิตธานี ร่วมเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจอาหาร ด้วยการผสานจุดแข็งกลุ่มดุสิตธานีซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจอาหาร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำถึงปลายน้ำ ผนวกเข้ากับ OR ซึ่งเป็นผู้นำช่องทางการจำหน่ายในธุรกิจค้าปลีกซึ่งมีรีเทลแพลตฟอร์ม เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้คน และชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ ผ่านสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น (PTT Station) เกือบ 2,500 แห่ง และคาเฟ่ อเมซอน (Café Amazon) อีกกว่า 4,000 สาขา
ที่ผ่านมากลุ่มดุสิตธานีได้เดินหน้าขยายการลงทุนธุรกิจอาหารที่เชื่อมโยงกับธุรกิจหลัก โดยมีแนวโน้มการเติบโตสูงครอบคลุมทุกห่วงโซ่อุปทาน การร่วมมือ OR จะยิ่งช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งธุรกิจอาหารภายใต้การบริหารของกลุ่มดุสิตธานีแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นในอนาคตต่อไป

นางศุภจีกล่าวว่าดุสิต ฟู้ดส์ มีวิสัยทัศน์เรื่อง การนำเอเชียไปให้โลกรู้จัก หรือ Bring Asia to the World ด้วยการเน้นกระบวนการธรรมชาติ ออแกนิก มีสุขภาพที่ดี ช่วยสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น พัฒนาการลงทุนครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำกลางน้ำ และปลายน้ำ เมื่อได้ OR เข้ามาหุ้นในดุสิต ฟู้ดส์ จะช่วยต่อยอดขีดความสามารถการเติบโตในเชิงกลยุทธ์และการขยายธุรกิจผ่านช่องทางเครือข่ายค้าปลีกที่แข็งแกร่งของ OR
ขณะเดียวกัน ดุสิตธานีกับ OR ต่างก็เป็นแบรนด์ไทย ที่มีความตั้งใจและมีเป้าหมายร่วมกันในการจะช่วยสนับสนุนและผลักดันการเติบโตของธุรกิจอาหารของไทยให้มีโอกาสเติบโตทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้และเป็น Growth Engine ตัวใหม่ที่สนับสนุนการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ซึ่งจะทำให้ความร่วมมือครั้งนี้มีพลังมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน พอร์ตการลงทุนหลักของ ดุสิต ฟู้ดส์ ประกอบด้วย
1.บริษัท เอ็บเพอคิวร์ เคเทอริ่ง จำกัด ผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ให้บริการกับโรงเรียนนานาชาติ โดยครองส่วนแบ่งตลาดในไทยกว่า 70 %
2.บริษัท เดอะ เคเทอเรอร์ส จอยท์ สต็อก จำกัด (The Caterers Joint Stock) หรือ “เดอะ เคเทอเรอร์ส” (The Caterers) เป็นผู้นำด้านการจัดเลี้ยงสำหรับโรงเรียน และงานเลี้ยงรับรองนอกสถานที่ในเวียดนาม

3.ร้านอาหาร KAUAI (คาวาอิ) เป็นแบรนด์ร้านอาหารสุขภาพยอดนิยมจากประเทศแอฟริกาใต้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยและมีแผนจะขยายตลาดเพิ่มในเอเชียด้วยเช่นกัน
4.บริษัท บองชู เบเกอรี่ เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ขนมเบเกอรี่ “บองชู” (BONJOUR) และโรงงานผลิตเบเกอรี่ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องจักรอุตสาหกรรมที่ดีและทันสมัยที่สุดนำเข้าจากประเทศชั้นนำในยุโรป ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง ปัจจุบันร้านแฟรนไชส์ขนมเบเกอรี่บองชู มีสาขาในไทยกว่า 50 แห่ง และในสาธารณรัฐประชาชนจีน 1 แห่ง
สำหรับความร่วมมือกับ OR ครั้งนี้ ทางกลุ่มดุสิตธานีวางเป้าหมายสร้างแพลตฟอร์มด้านอาหาร เพื่อช่วยเหลือคนตัวเล็กในชุมชนและท้องถิ่นให้มีโอกาสเติบโตทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงขยายโอกาสการเติบโตร่วมกับพอร์ตของOR และบริษัทอื่น ๆ ซึ่งก่อนหน้าได้ลงทุนไว้แล้ว คือร้านคาเฟ่ อเมซอน ร้านอาหารเพื่อสุขภาพโอ้กะจู๋ นับจากนี้เป็นต้นไป จะเป็นพลังช่วยสนับสนุนรายได้เติบโตและสามารถรักษากำไรของกลุ่มดุสิตธานีดีขึ้นให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ OR กล่าวว่า OR เดินหน้าตามวิสัยทัศน์ใหม่ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโต ร่วมกัน” โดยมุ่งสร้างโอกาสเติบโตร่วมกับพันธมิตร เน้นประสานความร่วมมือเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจเติมเต็มศักยภาก้าวสู่ความสำเร็จไปด้วยกันอย่างยั่งยืน (Inclusive Growth) ในทุกมิติ ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของโลก การร่วมกับกลุ่มดุสิตธานี ลงทุนใน บริษัท ดุสิตฟู้ดส์ จำกัด จะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพธุรกิจไลฟ์สไตล์ของ OR โดยเฉพาะธุรกิจอาหารให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เติมเต็มความสะดวกและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์ครบวงจร

อีกทั้งยังสร้างโอกาสการเติบโตร่วมกันกับผู้ประกอบการแบรนด์ไทยทั้งตลาดในและต่างประเทศ เป็นไปตามแนวทางการดำเนินธุรกิจของ OR ที่มุ่งเน้นเติบโตในแบบ Outside-In โดยแสวงหาโอกาสการลงทุนในตลาดใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรอย่างเข้มแข็ง
และเป็นกลยุทธ์การนำความเป็นไทยสู่สากล โดยให้ความสำคัญตลอดห่วงโซ่อุปทานธุรกิจอาหารตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมถึงชุมชนท้องถิ่น สอดคล้องกับแผนธุรกิจของ OR เน้นเติบโตร่วมกัน (Economic Prosperity) เพื่อสร้างอาชีพ กระจายความมั่งคั่งสู่คู่ค้าและผู้ประกอบการขนาดย่อม ผ่านการดำเนินการร่วมกันได้เป็นอย่างดี เรื่อยไปจนถึงเปิดให้ธุรกิจทุกประเภท ทุกขนาด เข้ามาสู่ระบบนิเวศทางธุรกิจโดยมีเป้าหมายสร้างผลเชิงบวกให้สังคมและสิ่งแวดล้อมเติบโตร่วมกันแบบ Inclusive ด้วยการผนวกนำโมเดลธุรกิจและนวัตกรรมเข้ามาใช้แก้ปัญหาของผู้คนสังคม และสิ่งแวดล้อม ได้อย่างยั่งยืน
เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facbook.com/penroongyaisamsaen