

- เผยบอร์ดเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.20 บ./หุ้น
- ลุ้นปิดดีล M&A เพิ่ม หลังมีฐานทุนที่แข็งแกร่ง เร่งขยายพอร์ตโรงไฟฟ้า Renewable ทุกรูปแบบ
- วางเป้า 2-3 ปี มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือแตะ 500 เมกะวัตต์
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิในงวดไตรมาสที่ 2/2565 อยู่ที่ 644.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 404.5 ล้านบาทหรือ 168.3% จากงวดเดียวกันปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการรับรู้กำไรพิเศษในไตรมาสที่ 2/2565 จากขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ฮิดากะ ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีกำไร 348.4 ล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการดังกล่าว SSP จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติในไตรมาสที่ 2/2565 ที่ 293.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.1% ขณะที่EBITDA หลักจากการดำเนินงาน อยู่ที่ 657.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 181.0 ล้านบาท เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน

สำหรับผลการดำเนินงานหลักที่เติบโตต่อเนื่อง ได้รับปัจจัยหนุนรับรู้รายได้ของโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ LEO 1 ในประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิต 26 เมกะวัตต์ ,โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าวินด์ชัยฟาร์ม ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วน 25% และจะเห็นว่า โครงการต่างๆที่บริษัทฯเข้าไปลงทุนล้วนเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จสามารถสร้างรายได้ในระดับที่ดี
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2565 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 249.8 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล(Record Date)ในวันที่ 25 สิงหาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 กันยายน 2565

นายวรุตม์ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต โดยมีความคืบหน้าในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ LEO 2 ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 22 เมกะวัตต์ เตรียมจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ไตรมาส 2 ปี 2567 และการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม) ขนาดใหญ่ ในประเทศเวียดนาม ตามแผนพัฒนาพลังงานที่กำลังจะประกาศเร็วๆนี้ โดยบริษัทฯวางเป้าหมายกำลังการเผลิตเพิ่มเท่าตัวแตะ 500 เมกะวัตต์ ภายใน 2-3 ปี จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 232 เมกะวัตต์

“ในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ชัดว่าพอร์ตโรงไฟฟ้าของ SSP ไม่ได้มีเฉพาะโซลาร์ฟาร์มเพียงเท่านั้น ตลอดช่วงเวลา 1 ปีเราประสบความสำเร็จในการขยายการลงทุนทำให้ SSP เป็นผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเต็มรูปแบบโดยใช้กลยุทธ์ทำ M&A strategy มากขึ้น รวมถึงการลงทุนใน brown field โดยการเข้าซื้อโครงการใหม่ที่ให้ผลตอบแทนที่สูงอย่างโครงการพลังงานลมและชีวมวล และการขายโครงการโซลาร์ฟาร์มฮิดากะสามารถให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ซึ่งทำให้มีเงินทุนมาต่อยอดโครงการใหม่ๆ ต่างจากในอดีตที่เราทำแต่ green field โดยเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้เห็นพัฒนาการในการเติบโตอย่างชัดเจน” นายวรุตม์ กล่าว