“ยุทธพงศ์-สันติ” รัวหมัดใส่กันไม่ยั้ง! ปมประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี ลั่นเรื่องนี้ “อาคม” ก็หนีความรับผิดชอบไม่ได้



  • “ยุทธพงศ์” ชี้ปมประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี ไม่โปร่งใส จัดฉากล้มประมูล เอื้อประโยชน์เอกชน
  • ลั่นพร้อมยื่นฟ้อง “ป.ป.ช.-ศาล” หากดื้อเดินหน้าเซ็นสัญญา
  • ด้าน “สันติ” โต้กลับถามมีใครไปรับงานจาก อีสท์ วอเตอร์ หรือไม่?
  • เอ่ยตนเองมีฐานะพอสมควร ไม่จำเป็นต้องไปเอื้อผลประโยชน์ให้ใคร
  • ลั่นตนต้องทำหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์ของรัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ก.ค.65) ที่รัฐสภามีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาญัตติขอเปิดการอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 เป็นวันที่ 2 โดยมีนายสุชาติตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียรส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ถึงการประมูลโครงการท่อส่งน้ำในภาคตะวันออก (อีอีซี) ว่าไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์มีพฤติกรรมทุจริตต่อหน้าที่ ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต และแสวงหาประโยชน์ในหน่วยงานที่กำกับดูแล เอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน ไม่ดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า โครงการท่อส่งน้ำในภาคตะวันออก ของกรมธนารักษ์ การคัดเลือกเอกชนในการบริหารงาน มีการทำผิดกฎหมาย ทำให้รัฐเสียหาย มีการทุจริตเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน ได้เอกชนที่ไม่มีศักยภาพมาบริหารโครงการ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนจ่ายค่าน้ำแพงและทำลายอีอีซี เรื่องนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็หนีความรับผิดชอบไม่ได้เช่นกัน การคัดเลือกโครงการครั้งนี้มีการเอื้อประโชยน์ให้เอกชน ไม่โปร่งใสไม่สุจริต มีการจัดฉาก ล้มการคัดเลือก และเอื้อประโยชน์กับเอกชนบางราย ที่ไม่เคยบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำมาก่อน ให้สามารถเข้าร่วมการคัดเลือกได้ กลับไปได้บริษัทเอกชนเล็กๆ และเห็นชอบให้ดำเนินการไม่มีศักยภาพ

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ใบเสร็จที่ 1 ของนายสันติ เกี่ยวกับการทุจริตในโครงการนี้ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2564 คณะกรรมการที่ราชพัสดุที่มี ดร.สันติ เป็นประธานฯ  มีมติเห็นชอบแนวทางการบริหารโครงการท่อส่งน้ำทั้ง 3 สัญญาเป็นสัญญาเดียว และให้คัดเลือกเอกชนโดย ไม่เปิดประมูลทั่วไป เพื่อการบริหารระบบส่งน้ำสายหลัก ในภาคตะวันออกต่อไป

ทั้งนี้ นายยุทธพงศ์ ยังอภิปรายต่อด้วยว่า กรมธนารักษ์คัดเลือกเอกชนที่ดำเนินการโครงการระบบท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก ไม่ใช้วิธีการประมูล อ้างว่าเพื่อให้ได้ผู้เข้าร่วมประมูลที่มีศักยภาพและมีประสบการณ์บริหารโครงการท้ายสุดแล้วกลับได้ บริษัท วงศ์สยาม จำกัด  เป็นเพียงผู้รับเหมาก่อสร้างงานวางท่อน้ำ ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐมาก่อน ไม่เคยมีประสบการณ์บริหารระบบท่อส่งน้ำมาก่อนเป็นผู้ชนะการคัดเลือก

จากนั้น นายยุทธพงศ์ ระบุว่า บริษัท วงศ์สยามก่อสร้าง มีฐานะการเงิน ทุนจดทะเบียนเพียง 630 ล้านบาท สินทรัพย์1,615 ล้านบาท หนี้สิน 368 ล้านบาท ทรัพย์สินหักหนี้สิน 1,247 ล้านบาท ขณะที่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ มีทุนจดทะเบียนมากกว่า

“งานนี้นายสันติ สร้างความเสียหายให้กับโครงการท่อส่งน้ำสายหลักในอีอีซี ที่ได้รับมอบอำนาจเป็นประธานคณะกรรมการที่ราชพัสดุสร้างความเสียหายให้กับโครงการ โดยไม่เปิดให้มีการประมูลแข่งขัน ทำให้ผิดกฎหมายพ.ร.บ.ร่วมทุน เอื้อประโยชน์ให้เอกชนที่ไม่มีศักยภาพและทำให้ค่าน้ำแพงสร้างความเสียหาย” นายยุทธพงศ์ กล่าว

นายยุทธพงศ์ กล่าวด้วยว่า ในการเจรจาก่อนลงนาม กรมธนารักษ์ ยังทำผิดเงื่อนไขใน TOR เพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัทผู้ชนะการประมูล จาก TOR ที่กำหนดให้ผู้ชนะการประมูลจะต้องชำระเงินงวดแรกให้รัฐ วงเงิน 1,450 ล้านบาทเต็มจำนวนในวันที่มีการลงนามสัญญา แต่กรมธนารักษ์ได้ช่วยให้มีการแบ่งชำระเป็น 2 งวด โดยงวดแรกให้ชำระเพียง 40% ในวันลงนามสัญญา อีก 60% ให้ชำระในวันที่กรมธนารักษ์ได้ส่งมอบท่อส่งน้ำให้กับบริษัทวงษ์สยาม

ทั้งนี้ การดำเนินการขั้นกฏหมายต่อไป ตนไม่สามารถไว้วางใจให้ นายสันติ บริหารราชการแผ่นดินได้อีกต่อไป ขอให้มีการเปิดประมูลการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เพื่อให้ประชาชนได้ใช้น้ำอุปโภคและบริโภคในราคาที่เป็นธรรม เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมในอีอีซีมีศักยภาพในการแข่งขันกับต่างประเทศมากขึ้น ถ้านายอาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ปล่อยให้มีการลงนามในสัญญา ตนจะดำเนินการฟ้องร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งนายอาคมและนายสันติต่อไป   

จากนั้น นายสันติ ก็ได้ลุกขึ้นชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวว่า โครงการท่อส่งน้ำภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีบริษัทอีสท์ วอเตอร์ ดำเนินการจัดส่งน้ำเพื่ออุปโภคและอุตสาหกรรม มีสัญญากรมธนารักษ์บริหารจัดการน้ำ 3 ส่วน สัญญาส่วนหนึ่งจะสิ้นสุดในปี 2566 จึงได้จ้างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นที่ปรึกษา โดยได้เสนอให้ใช้วิธียกเว้นการประมูล และคัดเลือกเอกชน พร้อมกำหนดเงื่อนไขเจรจาเพื่อประโยชน์ภาครัฐ เพื่อเกิดการแข่งขันระหว่างเอกชน 

จากนั้นได้ตั้งคณะกรรมการคัดเลือก เปิดยื่นข้อเสนอ โดยกรมธนารักษ์กำหนดวัตถุประสงค์ในการดำเนินการไว้อย่างชัดเจน ที่มีผู้เสนอ 5 ราย ในครั้งที่ 1 มีบริษัท สยามก่อสร้าง จำกัด และบริษัท วิค จำกัด (มหาชน) เพิ่มมา 2 ราย

ทั้งนี้ นายสันติ ระบุว่าการยื่นข้อเสนอครั้งที่ 1 บริษัทอีสท์ วอเตอร์ และบริษัทวงศ์สยามก่อสร้าง ได้ยื่นเสนอปริมาณน้ำครั้งแรกเข้าเพื่อสัญญา และผลประโยชน์ตอบแทนรายปีก็เกิดความลักลั่นกันแล้ว จึงให้ยกเลิกการยื่นข้อเสนอในรอบแรก แม้จะมีการยื่นศาลปกครองขอให้คุ้มครองชั่วคราว แต่ศาลวินิจฉัยว่าการยกเลิกการยื่นข้อเสนอ จึงไม่มีเหตุว่า ไม่ได้เป็นการตัดสิทธิ์ผู้ยื่นประกวดราคา  ส่วนการยื่นข้อเสนอครั้งที่ 2 บริษัท วงศ์สยาม เสนอผลประโยชน์ให้กับรัฐบาลมากกว่า บริษัทอีสท์ วอเตอร์

นายสันติ กล่าวว่า อยากให้นายยุทธพงศ์ มองย้อนไปว่าตลอด 30 ปีที่ผ่าน บริษัทอีสท์ วอเตอร์ ได้ให้ผลตอบแทนรัฐบาลกว่า 600 ล้านบาท แทนที่จะไปพูดไม่วางใจตนว่าไม่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ ลองคิดว่าการที่ท่านพูดโน้มเอียงไปทางบริษัทอีสท์ วอเตอร์ เป็นการรักษาผลประโยชน์หรือไม่ แต่ 30 ปีจากนี้ไป บริษัท วงศ์สยาม จะจ่ายให้รัฐบาล 25,693 ล้านบาท นายยุทธพงศ์ กำลังกดดันให้ยกเลิกและเปิดประมูลใหม่ ถามว่าถ้าประมูลให้ขึ้นมาแล้ว มีการยื่นข้อเสนอมาเหมือนครั้งแรกใครจะรับผิดชอบกับเงินของรัฐที่หายไป

นอกจากนี้ นายสันติ ยังถามต่อว่า จริงๆ ว่าไปรู้ข้อมูลมากกว่าตนได้อย่างไร แสดงว่ามันคงมีอะไรสักอย่างหนึ่ง มีใครไปรับงานไปจาก บริษัทอีสท์ วอเตอร์ หรือเปล่า ตนไม่ทราบ ต้องบอกตรงๆ ว่า ในระบบท่อส่งน้ำภาคตะวันออกของกรมธนารักษ์ ที่บริษัทอีสท์ วอเตอร์ รับไปทำอยู่นั้น มันมีปัญหาพอสมควร ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่บางส่วนของเรามีปัญหาตนต้องทำหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์ของรัฐ

นายสันติ กล่าวยืนยันว่า ทั้ง อีสท์ วอเตอร์ หรือวงศ์สยาม ก็ดี ไม่เคยเจอกับผม โทรศัพท์ก็เคยไม่เจอ ไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ใดๆ 100% ทำไมผมต้องไปเอื้อใคร ผมมีฐานะพอสมควรอยู่แล้ว ไม่มีความจำต้องเอื้อใคร

“เวลานี้สัญญายังไม่ได้เซ็น จะมากล่าวหาผม กล่าวหาคณะกรรมการ กล่าวหาเจ้าหน้าที่กรมธนารักษ์ได้อย่างไร ยืนยันว่ากรมธนารักษ์ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย และประกาศของคณะรัฐมนตรี จึงจะดำเนินการได้ การที่ไม่ประกวดราคาทั่วไป เพราะเป็นโครงการที่มีความสำคัญ พร้อมกับระบุว่า ทั้งบริษัทอีสท์ วอเตอร์ หรือวงศ์สยามก็ดี ไม่เคยเจอกับผม โทรศัพท์ก็เคยไม่เจอ ไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ใดๆ 100% ทำไมผมต้องไปเอื้อใคร ผมมีฐานะพอสมควรอยู่แล้ว ไม่มีความจำต้องเอื้อใคร ผมเอื้อให้ประโยชน์ของรัฐเต็มที่” นายสันติ กล่าว