ธ.ก.ส. ผนึก วว.เติมองค์ความรู้ เทคโนโลยี-นวัตกรรม ให้เกษตรกรไทย “อาคม” หนุนปลูกพืชระยะสั้นสร้างรายได้โดยเร็ว



  • ชูผลงานวิจัยการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • ช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการผลิต การแปรรูปผลผลิต การตลาดให้เกษตรกร
  • ตั้งเป้าขยายผลในการเสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้แก่ภาคเกษตรกรไทยต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (8 มิ.ย.65) นายอาคม  เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง และประธานกรรมการ ธ.ก.ส. เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “ว่าด้วยความร่วมมือด้านวิชาการและถ่ายทอดเทคโนโลยี” ระหว่างดร.ชุติมา  เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และนายธนารัตน์งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร  เพื่อนำผลงานวิจัยพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาบูรณาการให้เกิดความยั่งยืนแก่ภาคเกษตรทั้งด้านการผลิต การแปรรูป และการตลาดที่เป็นมาตรฐานและต่อยอดสู่เกษตรกรรุ่นใหม่ในการนำไปใช้ประโยชน์และเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก

ทั้งนี้นายอาคม กล่าวว่า ปัจจุบันเกษตรกรที่มีอยู่กว่า 4 ล้านราย ล้วนเป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมากลุ่มพี่น้องเกษตรกรต่างได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้ลูกค้าบางรายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการดูแลลูกค้าผ่านการพักชำระหนี้แล้วก็ตาม 

นายอาคม กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการดูแลเกษตรกรให้กลับมามีรายได้เช่นเดิม และมีความสามารถในการชำระหนี้ให้กับ ธ.ก.ส. ล่าสุด ธ.ก.ส. ได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เพื่อนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาบูรณาการให้เกิดความยั่งยืนแก่เกษตรกร ด้วยการปลูกพืชระยะสั้นมีระยะเก็บเกี่ยวผลผลิตใน 45 วัน เพื่อส่งเสริมเกษตรกรให้สามารถเลี้ยงตัวเองได้ในระยะสั้น 45 วัน โดยเมื่อเกษตรกรมีรายได้กลับมา ก็สามารถแบ่งรายได้บางส่วนให้รัฐวิสาหกิจชุมชน อีกครึ่งหนึ่งแบ่งไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งแบ่งเก็บไว้ลงทุนเพื่อเพาะปลูกในครั้งต่อไป รวมถึงอีกส่วนหนึ่งไว้ใช้ชำระหนี้ ธ.ก.ส.

ด้านนายธนารัตน์ กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการในการพัฒนาสนับสนุนให้เกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ได้มีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผนวกกับองค์ความรู้สมัยใหม่โดยนำผลงานวิจัยทั้งด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับปรุง พัฒนาการผลิต การแปรรูปผลผลิต และการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรอย่างตรงจุด 

รวมถึงประยุกต์ต่อยอดสู่การจดทะเบียนสิทธิบัตร เพื่อยกระดับสินค้าเกษตรสู่มาตรฐานสากล นอกจากนี้ยังร่วมกันจัดฝึกอบรม ประชุมวิชาการ การเผยแพร่ประสบการณ์และการร่วมประชาสัมพันธ์ของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปี 2561-2564 ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ได้ร่วมมือกับวว.และ EXIM Bank เข้าไปเสริมสร้างศักยภาพแก่ผู้ประกอบการ (SMEs) จำนวน 30 ราย อาทิ วิสาหกิจชุมชนกาแฟรัษฏา ผลิตชา กาแฟ สบู่กาแฟ กาแฟคั่ววิสาหกิจชุมชนลองเลย ผลิตกาแฟอาราบิก้า วิสาหกิจชุมชนออมสินกะลา ผลิตภัณฑ์จากกะลา  บริษัท แบมบุรีฟอร์มจำกัด ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากไผ่ และถ่านไม้ไผ่ บริษัท ซันโฟรเช่น ฟรุ๊ต จำกัด  ผลิตทุเรียนและมังคุด บริษัทบ้านขนมไทยอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผลิตขนมกล้วยหอมทองทอดกรอบ เป็นต้น 

โดยที่ผ่านมา สามารถช่วยยกระดับคุณภาพการผลิตให้กับเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการด้านการเกษตรได้เป็นอย่างดี จึงวางเป้าหมายที่จะขยายแนวทางการดำเนินงานดังกล่าว เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันให้กับภาคเกษตรไทย ควบคู่กับการเติมทุนผ่านสินเชื่อนวัตกรรมดีมีเงินทุน สินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ เป็นต้น เพื่อขยายโอกาสและการผลิตที่นำไปสู่การสร้างงานสร้างรายได้ที่มั่นคงต่อไป 

ดร.ชุติมา กล่าวว่า วว. เป็นหน่วยงานหลักด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศไทย ที่มีความพร้อม ความเชี่ยวชาญในการบูรณาการงานด้านสารชีวภัณฑ์อย่างครบวงจร มีความพร้อมในการให้บริการแก่เกษตรกร  กลุ่มวิสาหกิจชุมชน  และ ผู้ประกอบการ มีผลการศึกษาวิจัยระดับภูมิภาคและ ระดับประเทศ รวมถึงความพร้อมของห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานในการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ  นอกจากนี้นักวิจัยและบุคลากรของ วว. ล้วนมีความรู้ ความสามารถ และความมุ่งมั่นที่จะนำองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มี  ผลักดันให้เกิดการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ทั้งในเชิงพาณิชย์และเชิงสังคม  โดยการร่วมมือในครั้งนี้ วว.มุ่งยกระดับเสริมสร้างความเข้มแข็งและต่อยอดยกระดับสินค้าเกษตรเพื่อให้ได้มาตรฐานสากลต่อไป