

- พบ “ปตท.” มีมูลค่าออกขายสูงสุด 4 หมื่นล้าน
- รองมา “ทรู คอร์ปอเรชั่น” 3.5 หมื่นล้าน
- แนะเลือกลงทุนในบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) พบว่า “เอกชน” ออกขายหุ้นกู้ตั้งแต่ต้นปี 2565 สูงสุด 10 อันดับ (ณ 24 พ.ค.2565) ดังนี้
1.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) : PTT มูลค่า 40,000 ล้านบาท *รวมรุ่นที่จะออก27พ.ค.2565 มูลค่า 20,000ล้านบาท
2.บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน): TRUE มูลค่า 35,270 ล้านบาท
3.บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) : PTTGC มูลค่า 30,000 ล้านบาท
4.บริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) : SCGC มูลค่า 30,000 ล้านบาท
5.บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) : GULF มูลค่า 24,000 ล้านบาท
6.ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) : KTB มูลค่า 18,000 ล้านบาท
7.บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) : CPF มูลค่า 15,000 ล้านบาท
8.ศูนย์บริหารเงินของ ปตท.สผ. : PTTEPT มูลค่า 12,000 ล้านบาท
9.บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) : IRPC มูลค่า 12,000 ล้านบาท
10.บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด : TUC มูลค่า 10,648 ล้านบาท
ในช่วง 4 เดือนแรกปี 2565 ทาง สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย พบว่า มีเอกชนที่เสนอขายหุ้นกู้เฉลี่ยสูงถึง 1.05 แสนล้านบาทต่อเดือน และในไตรมาส 2 ปีนี้ ภาคธุรกิจยังคงนิยมแห่ออกหุ้นกู้กันอย่างต่อเนื่อตั้งแต่ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ที่มียอดการออกหุ้นกู้ของภาคเอกชน 2.68 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจาก ปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการออกหุ้นกู้ของบริษัทต่าง ๆ เพิ่มขึ้นได้
ดังนั้น ภาคธุรกิจ จึงต้องรีบออกในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เพื่อบริหารต้นทุน คาดว่า แนวโน้มในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ยังมีอีกหลายบริษัทที่เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ระดมเงินลงทุนและให้ดอกเบี้ยสูง โดยหุ้นกู้ที่เสนอขายส่วนใหญ่เป็นของบริษัทที่มีเชื่อสียงและมีเครดิตเรตติ้งที่ดี
อย่างไรก็ตามทางสมาคมฯ ยังคงคาดการณ์มูลค่าเสนอขายหุ้นกู้เอกชนปีนี้ทะลุ 1 ล้านล้านบาทในปีนี้ เช่นเดียวกับปี 2564 ที่มียอด 1.3 ล้านล้านบาท และแนะนำให้ผู้ลงทุนทยอยและกระจายการลงทุนในหุ้นกู้ ที่จะมีออกมาหลายตัวในปีนี้
“อริยา ติรณะประกิจ” รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) แนะนำว่า นักลงทุนควรพิจารณาเลือกลงทุนในบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือสูง โดยอาจเป็นการทยอยเข้าลงทุน เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลัง bond yield มีโอกาสขยับสูงขึ้นได้อีก
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา จากการที่ bond yield ปรับขึ้นทำให้อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว(coupon) ของหุ้นกู้ปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณ 0.6%-1% แล้ว
ตัวอย่างเช่น อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋วของหุ้นกู้เรทติ้ง A อายุ 5 ปีที่ออกใหม่ขยับขึ้นจากเฉลี่ย 2.64% เป็น 3.45%