

- ลั่นภูมิใจไทยเป็นพรรคที่ไม่เชื่อเรื่องการจับมือก่อน ชี้เคยได้บทเรียนจากการทำเช่นนั้นมาแล้ว
- เผยแผลเก่าในวันวาน เห็นหัวหน้าพรรคเก่าโดนอะไรมาก็จำไว้เป็นบทเรียน ทำการเมืองโดนอะไรมาก็จะดูและจำว่าจะไม่ทำผิดพลาดอีก
- ชี้นายกฯ ลงพื้นที่เป็นเรื่องปกติ ถามกลับเวลาไม่ลงก็ถูกว่า
วันนี้ (4 เม.ย.65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลงพื้นที่ต่อเนื่อง จนถูกมองเป็นการหาคะแนนนิยมว่า เวลาไม่ลงก็ว่าไม่ลงพื้นที่ แต่เวลาลงจะไปว่าทำไม และนายกฯ ก็พูดชัดเจนว่าสนใจทำการเมืองต่อไปใช่หรือไม่ เหมือนที่ให้สัมภาษณ์ว่าหากไม่ไหวก็เลิก
“ไม่แปลก ตนก็ลงพื้นที่ ช่วงนี้วันเสาร์-อาทิตย์ ต้องลงพื้นที่ให้ว่าที่ผู้สมัครของพรรคทั่วประเทศ จึงมองว่าเป็นเรื่องปกติ และดีที่จะลงพื้นที่ไปสร้างความคุ้นเคย หาเสียงหาคะแนนอะไรก็แล้วแต่ก็เป็นอย่างนั้น มีใครไม่ลงพื้นที่บ้าง” นายอนุทิน กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงปลายรัฐบาลจะมีการลงพื้นที่ถี่ขึ้นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใช่ลงถี่ขึ้น แต่ตนลงพื้นที่ตลอด ไม่ว่าต้นหรือปลาย เพราะพรรคภูมิใจไทยคิดเสมอว่า การเลือกตั้งเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงไม่เคยห่างพื้นที่ ทั้งนี้เมื่อถามว่าจะลงพื้นที่ กทม.มากขึ้นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า จะลงในพื้นที่ ที่ผู้สมัครเตรียมไว้ให้ลงทั่วประเทศ
นอกจากนี้เมื่อถามว่า ในส่วนที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศจะกวาด ส.ส. 150 ที่นั่ง หลังการเลือกตั้ง นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ต้องขอแสดงความยินดีล่วงหน้า เมื่อถามอีกว่า ในอนาคตจะยังร่วมงานกับพรรค พปชร.ได้เหมือนเดิมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกวันนี้ก็ร่วมมืออยู่แล้ว ไม่ได้มีความขัดแย้ง เรื่องไหนที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ทุกพรรคให้ความร่วมมือหมด วันนี้ต้องมั่นใจว่านักการเมืองทุกคน ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล มีเป้าหมายเดียวกันหมดคือทำเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง ยึดแบบนี้ทำงานง่าย อยู่ตรงไหนก็ได้
อีกทั้งเมื่อถามว่า จะมีการประกาศจับมือเป็นพรรคร่วมก่อนเลือกตั้งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่ไม่เชื่อเรื่องการจับมือก่อน เพราะเราเคยได้บทเรียนจากการทำเช่นนั้นมาแล้ว พอเลือกตั้งเสร็จมีความผิดพลาด ก็ไม่มีความหมาย ฉะนั้นต้องอยู่บนความเป็นจริง จะคิดจะอ่านอะไรก็เมื่อผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการหลังปิดหีบเลือกตั้งออกมาแล้ว
“ที่ผมพูดแบบนี้ ไม่ใช่จะจับมือหรือไม่จับมือ แต่ใครไม่เคยโดนสภาพนี้ไม่รู้หรอก เรามีบทเรียนมาก่อน เราอยู่ด้วยตัวเราเอง ทำให้ดีที่สุด ไม่ต้องไปเที่ยวจับมือกับใคร ถ้าทำตัวให้ดีที่สุด เดี๋ยวก็มีคนมาชวนเราเอง ถึงตรงนั้นแล้วค่อยพิจารณากัน ซึ่งบทเรียนที่กล่าวมานั้นเป็นบทเรียนในอดีต ผมเห็นหัวหน้าพรรคเก่า โดนอะไรมาก็จำไว้เป็นบทเรียน พ่อผมเวลาทำธุรกิจโดนอะไรมา ทำการเมืองโดนอะไรมา ผมดูและจำว่าจะไม่ทำผิดพลาดตามท่านอีก เพราะท่านมองโลกแง่ดีเกินไป ถือเป็นคุณสมบัติที่ดี แต่ดีเกินไปอยู่ในการเมืองไม่ได้” นายอนุทิน กล่าว