

- หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่ง รับการคาดการณ์เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น
- นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อพฤหัสนี้ คาดพุ่งแรงต่อเนื่อง
- ผลประกอบการยริษัทที่ออกมาดี-การเจรจายุติวิกฤตยูเครนเป็นผลช่วยหนุนตลาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 9 ก พ.ที่ 35,462.78 จุด เพิ่มขึ้น 371.65 จุด หรือ +1.06%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,521.54 จุด เพิ่มขึ้น 37.67 จุด หรือ +0.84% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 14,194.45 จุด เพิ่มขึ้น 178.79 จุด หรือ +1.28%
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 1.9% หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นสู่ระดับ1.965% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2562 ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้
โดยหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทะยานขึ้น 3.26% หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 1.87% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 1.79% หุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 1.16% ดีดขึ้น 1.11% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับตัวขึ้น 1.10%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับเพิ่มขึ้น โดยหุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 1.2% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น1.85% หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 1.62% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ทะยานขึ้น 3.69%
เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์จากบริษัท Corporation แสดงความเห็นว่า บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้เป็นไปในลักษณะหมุนเวียนกลุ่มลงทุน (Sector Rotation) โดยนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มธนาคารอย่างคึกคัก และคาดว่าการหมุนเวียนกลุ่มลงทุนจะเกิดขึ้นต่อไปอีกระยะหนึ่ง พร้อมกับกล่าวว่า นักลงทุนอยู่ในช่วงของการปรับตัวกับฤดูการรายงานผลประกอบการ และเตรียมพร้อมที่จะรับรู้ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้
ขณะที่อีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดมาจากการหารือระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบวกต่อการคลี่คลายวิกฤตการณ์ยูเครน
หุ้นฮาร์เลย์-เดวิดสัน อิงค์ ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 15.53% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 14 เซนต์ สวนทางกับที่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์จะขาดทุนที่ระดับ 38 เซนต์
หุ้นแอมเจน ซึ่งเป็นบริษัทเฮลธ์แคร์ พุ่งขึ้น 7.82% ขณะที่หุ้นโคตี้ ผู้ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น8.04% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 4/2564 และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ในปีงบการเงิน 2565
หุ้นไฟเซอร์ ร่วงลง 2.84% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 2.384 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.412 หมื่นล้านดอลลาร์
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 2.1% เนื่องจากการเจรจานิวเคลียร์อิหร่านที่ส่งสัญญาณคืบหน้าได้ฉุดราคาน้ำมันดิบWTI ดิ่งหลุดจากระดับ 90 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.6% หุ้นเชฟรอน ลดลง 1.52% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 1.73% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 2.31%